ในปีนี้ ประเทศเยอรมันเป็นประเทศรับผู้อพยพที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับ
๒ ตามหลังสหรัฐอเมริกามาติดๆ ตั้งแต่ปลายปี
๒๐๑๔ จำนวนชาวต่างชาติที่รับเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น ๘.๒ ล้านคนหรือมากกว่าปี ๒๐๑๓ ถึง
๗%
ในปีนี้จำนวนมากกว่าอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ตามรายงานการโยกย้ายถิ่นสำหรับปี ๒๐๑๕
ที่ได้รับการเสนอโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ปารีสเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายนที่ผ่านมา โดยรายงานรวบรวมความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในตัวเลขที่มาจากคลื่นผู้ลี้ภัย ปีนี้สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีคาดหมายตัวเลขผู้ขอลี้ภัย
๘๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งตามรายงานเป็นการขยับตัวเลขที่ใหญ่ที่สุดของปีที่เคยได้รับการบันทึกในประเทศ
OECD รวมทั้งสิ้นคำนวณตัวเลขการขอลี้ภัยได้ถึง ๑
ล้านในประเทศสมาชิก ๓๔ ประเทศ ๔๕๐,๐๐๐
คนจากจำนวนนี้สามารถอยู่ได้ถาวร นับแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไม่เคยมีประชาชนหลบหนีภัยจำนวนมากเท่านี้มาก่อน
ในการศึกษาระบุว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ยุโรปและโลกต้องร่วมกันปฏิบัติการรับมือ โดยรวมยุโรปทุกวันนี้เตรียมพร้อมสำหรับกรณีผู้ลี้ภัยดีกว่าระหว่างวิกฤตบอลข่านในทศวรรษที่
๙๐ โดยเฉพาะประเทศยุโรปตะวันออกที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลี้ภัยจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรสหภาพยุโรป เป้าหมายที่สำคัญที่สุดหลังเยอรมันและสหรัฐ
ได้แก่ ตุรกี สวีเดน และอิตาลี
ผู้เชี่ยวชาญ OECD เห็นคลื่นการลี้ภัยสูงที่ประเทศที่มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจดีที่สุด
ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งดูจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ขณะเดียวกันการปรับตัวด้านอาชีพของชาวต่างชาติดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขผู้ทำงานด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นอย่างหนัก ขณะที่ในปี ๒๐๑๔ ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนและอินเดีย
รวมทั้งจากโปแลนด์และโรมาเนีย อันเนื่องมาจากความเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นใน EU
ในเดือนที่ผ่านมาจำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและบอลข่านตะวันตกเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่เดือนมกราคมประชาชนมากกว่า ๓๓๐,๐๐๐
คนมาถึงยุโรปผ่านเส้นทางทางทะเล การสิ้นสุดของการลี้ภัยหมู่ดูเหมือนยังมองไม่เห็น
ชาวซีเรียและอิรักหลายล้านคนขณะนี้อยู่ในประเทศตุรกีและเลบานอน
รายงานชี้แจงว่าความยากที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้ลี้ภัยที่จะหางานได้ในประเทศนี้
การอยู่อาศัยอย่างถูกกฎหมายหรือเพียงการส่งบุตรไปโรงเรียนเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ว่าทำไมคลื่นการลี้ภัยมายุโรปจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น