วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทับทิม อาหารเป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณ 8,000 ปี & วิธีทำน้ำทับทิมสด…ดื่มเพื่อสุขภาพ

ในเมืองไทย นิยมปลูก ทับทิม เป็นต้นไม้มงคลไว้ตามบ้านหรือร้านค้า แต่เวลามีลูก ก็ปล่อยแตก แห้งอยู่กับต้น เป็นผลไม้ธรรมชาติที่ปลูกในบริเวณบ้านแต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำมาใช้เป็นอาหาร เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ เพราะมีเมล็ดมาก เนื้อมีรสเปรี้ยว เมล็ดแข็ง แกะยาก ฯ
20140922_164141
เด็กๆบางคนไม่รู้จักเลยว่าเป็นผลไม้ชื่ออะไร เพราะปกติก็ไม่มีวางขาย มามีไม่กี่ปีนี้ที่ผ่านมา ทับทิมมีแม่ค้านำมาขายในตลาด ขายดิบขายดี แต่เป็นทับทิมที่มาจากต่างประเทศ  เช่น จีน เป็นทับทิมเมล็ดนิ่มเคี้ยวเมล็ดกลืนได้ง่าย ส่วนที่ขายตามห้างใหญ่ๆราคาสูงมาก น่าจะมาจากประเทศอื่น ในประเทศไทยเราก็มีปลูกเป็นสวนใหญ่ๆ และมีการผลิตน้ำทับทิมขายแล้วเช่นกัน เช่นที่ อ.พบพระ  จ.ตาก ฯ
แต่การออกจำหน่ายไม่ทั่วถึงคนไทยทั้งประเทศ คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องซื้อของจีน ซึ่งมีปีละครั้ง ผลไม้จากจีนหลายชนิด มาขายในไทยแล้วขายดีมากด้วย แต่ในความรู้สึกของผู้ซื้อส่วนหนึ่ง จะกังวลเรื่อง ยาสารเคมีที่อยู่ในผลไม้แต่ละชนิดว่ามีมากหรือไม่มี แต่ก็ซื้อเพราะอร่อย และราคาไม่แพงมาก การที่จะมียาสารเคมีตกค้างในผลไม้หรือไม่นั้นผู้ซื้อไม่สามารถทราบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ชนิดไหนที่วางขาย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาลหรือนอกฤดูกาล เพราะมีผู้ปลูกพืชผลขายนั้นมีน้อยรายที่จะนึกถึงสุขภาพของผู้ซื้อ
ทับทิม เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและมีสรรพคุณอย่างไร  ดังนี้คือ
บทความแรก ที่จะบอกกล่าวให้ทราบนี้เป็นบทความที่ผู้เขียนตัดเก็บไว้หลายปีแล้ว ก่อนที่จะเขียนบันทึกได้รวบรวมข้อมูลเรื่องทับทิมที่จะเขียน ซึ่งที่ท่าน สาโรจน์ ชวนะวิรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ปัจจุบันท่านอายุ 70 ปี เขียนนั้นทำให้เราทราบว่าความเป็นมาของทับทิม การค้นคว้าวิจัย การผลิตขาย ฯ โดยเฉพาะเป็นผลไม้อาหารเป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณ และสรรพคุณเยี่ยมมาก
มารีบผลิตน้ำทับทิมดื่มกันเถิด
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีมากในเมืองไทยชนิดหนึ่ง และมีชื่อเรียกต่างๆกันตามภูมิภาค เช่น พิลา พิลาขาว มะถือ และมะก่องแก้ว เป็นต้น มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Punica Granata ชื่อวงศ์ว่า Punicaceae ส่วนภาษาอังกฤษ เรียกว่า Pomegranaate หรือ Punic Apple
บทความในหนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้เคยลงไว้ว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงแล้วเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจาก เปอร์เชีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีในแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัยด้วย
สำหรับจีนเอง ก็ถือว่า ทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแก่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เชีย โบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้จากสวรรค์ หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้าเลยทีเดียว
ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียม และแคลเซียม Tannin Polyphenolic ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น เช่น ระบบฟอกโลหิต และระบบหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เชีย ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน ระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
สารฟื้นฟูสภาพเดิมของหัวใจและตับ การฟอกไต และท่อปัสสาวะ สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย ขจัดไขมันส่วนเกิน เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ปรับปรุงระบบการฟอก และหมุนเวียนโลหิต การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ ต่อต้านการเสื่อมสมรรถนะทางเพศ และเพิ่มพลัง ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ ทำให้ผิวหน้าสวย
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสทธิภาพสูงมาก งานวิจัยแรกพบว่า สารจากน้ำทับทิมสามารถลดภาวะการณ์แข็งตัวของเส้นเลือดจากไขมันในเลือดสูงได้ อีกรายงานยังสรุปว่าทำให้เส้นเลือดที่หนาตัว และมีไขมันสะสม ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดี มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย
มีรายงานการให้สารทับทิมในหนูทดลอง ก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนูที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกัน การเป็นพิษต่อตับได้จริง ยังมีงานวิจัยอีกว่า ทับทิมในรูปน้ำคั้นสดและผ่านการหมัก มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งทรวงอกได้จริงอีกด้วย
ในประเทศญี่ปุ่น มีการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณ ในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง
การศึกษาค้นคว้าในประเทศอิสราเอลก็เช่นกัน ศาสตราจารย์ Michacl Aviram ค้นพบว่า การดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้ว จะช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น นอกจากนั้นการศึกษาในขั้นต้นยังค้นพบด้วยว่า น้ำทับทิมประกอบด้วยสารที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียว หรือไวน์แดงในปริมาณที่เท่ากันถึง 3 เท่าตัวด้วย
ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมาย จากหลายประเทศทั่วโลกเช่น ในประเทศเยอรมนี นอกจากจะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด และกำลังวางแผนที่จะส่งออกมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย
แต่ประเทศที่น้ำทับทิมกำลังฮิตที่สุดก็คือ สหรัฐอเมริกาด้วยฝีมือของสามีภรรยา Resnicks แห่งลอสแองเจลิส พวกเขาได้ไปซื้อที่นา 100 เอเคอร์ เมื่อปีค.ศ 1978 ซึ่งมีแต่ต้นทับทิมปลูกอยู่เต็ม และไม่รู้จะทำอะไรกับต้นทับทิมเหล่านี้ เพราะคนอเมริกันรู้จักทับทิมเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น เวลาผ่านไป 12 ปีครอบครัว Resnicks จึงไปอ่านพบเอกสารซึ่งแสดงว่าไม่แต่พวกเปอร์เซียเท่านั้น แต่คนอียิปต์โบราณ และต่อมาพวกโรมัน และพวกกรีกต่างก็ใช้ทับทิมเป็นยามาหลายพันปีแล้ว
ขณะเดียวกันก็ได้ยินข่าวที่ Dr.Aviram นักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลที่กล่าวถึงขั้นต้น ก็กำลังทำการค้นคว้าเรืองสารต่อต้านอนุมูลอิสระในไวท์แดงอยู่จึงได้เดินทางไปขอ Dr.Aviram ค้นคว้าทับทิมให้ด้วย ซึ่งในที่สุดก็ปรากฏว่ามีสารดังกล่าวมากกว่าไวท์แดงเสียอีก ครอบครัว Resnicks ซึ่งได้เริ่มกิจการผลิตน้ำทับทิมในปี ค.ศ. 2002 จึงได้เริ่มโหมตลาด และโฆษณาเป็นการใหญ่จนยอดขายได้เพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านเหรียญ ในปี ค.ศ. 2003 เป็น 91 ล้านเหรียญในปัจจุบัน
นอกจากนั้นในการเป็นนักธุรกิจที่มองการไกล นายและนาง Resnicks ก็ได้ลงทุนมหาศาลไปถึง 17 ล้านดอลลาร์ ในการค้นคว้าสรรพคุณของทับทิมต่อไป ซึ่งล่าสุด Dr.Allan Pantuck แห่งมหาวิทยาลัย UCLA ก็ได้เผยแพร่ผลจากการศึกษา3 ปีเต็ม ยืนยันได้ว่าทับทิมมีผลช่วยยกระดับ PSA ในผู้ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากได้อีกด้วย ครอบครัว Resnicks ได้โหมโฆษณาสรรพคุณของน้ำทับทิมเป็นวิเศษสุด โดยในที่สุดทางการสหรัฐได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง และครอบครัว Resnicks ก็ได้ลดการบรรยายสรรพคุณในการโฆษณาลงไปบ้างในขณะนี้
ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีมากและรู้จักกันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย และบรรดาแพทย์ของเราก็ได้รู้สรรพคุณของการใช้เปลือกทับทิมมารักษาโรคท้องร่วง หรือแผลเป็นหนองเป็นอย่างดีมานานแล้ว แต่ผมไปสำรวจซุปเปอร์มาร์เก็ตมาแล้ว ยังไม่เป็นมีน้ำทับทิมออกจำหน่ายเลย ปัจจุบันนี้ไทยก็มีโรงงานผลิตน้ำผลไม้มากมาย และก็มีวิทยาการก้าวหน้ามากพอตัว จึงควรรีบเร่งผลิตน้ำทับทิมออกสู่ตลาดไทย และตลาดโลกโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็จะเป็นการช่วยเหลือชาวไร่ชาวสวนของเราไปด้วยในตัว ก่อนที่ฝรั่งจะส่งน้ำทับทิมเข้ามาให้คนไทยบริโภคเอง
น้ำทับทิมคั้นสด
เมื่อทับทิมแก่ที่ต้นหรือซื้อมาล้างผิวให้สะอาด ป้องกันเวลาแกะเมล็ดมือจะได้ไม่เปื้อนสิ่งที่อยู่ที่ผิวเปลือก โดยเฉพาะทับทิมที่ซื้อมา
ผ่าครึ่งกดมีดเบาๆที่ผิว ค่อยๆแกะเมล็ดด้วยมือ หรือนำไม้มาเคาะบนเปลือกแรงๆ เมล็ดจะล่วงลงมา ซึ่งหากเราไม่ทำน้ำดื่ม เราก็ทานทั้งเมล็ดๆไม่ควรคายทิ้งเคี้ยวให้หมดและกลืนลงท้องไป เพราะเมล็ดทับทิมมีประโยชน์มากๆ
เตรียมน้ำดื่มสะอาดที่เราดื่มหรือจะใช้น้ำต้มสุกที่เย็นก็ได้
พอประมาณ กับทับทิมที่เราจะทำน้ำดื่ม หรือบ้านไหนมีเครื่องแยกกากก็ทำได้ จะได้น้ำทับทิมเข้มข้น หรือเพิ่มน้ำตามใจชอบ
น้ำทับทิมแก้วนี้ ใช้วิธีปั่นด้วยเครื่องปั่นไฟฟ้า แล้วกรองเมล็ดส่วนที่ไม่ละเอียดออกเพื่อเวลาดื่มจะได้ไม่ติดขัด เมล็ดที่อยู่ในตะแกรงเราก็นำมาเคี้ยวได้ ถ้าทำมาก แนะนำให้นำเมล็ดที่น้ำออกแล้ว  ตากแดดหรืออบให้แห้ง บดเป็นผงไว้ชงดื่มหรือใส่แคปซูล เป็นยาได้อย่างดีตามสรรพคุณที่กล่าวข้างต้น กรณีที่ไม่มีเครื่องปั่น จะใช้มือบีบแรงๆโดยตรงหรือนำใส่ถุงผ้าขาวบาง หรือใช้ไม้ทุบถุงผ้ามีภาชนะรองด้านใต้ไว้ หรือตำในครกทรงสูง แล้วกรอง ก็จะได้น้ำทับทิมดื่มสดๆ สีของน้ำทับทิมจะชมพูมากน้อยอยู่ที่สีของเมล็ดทับทิมที่เราทำแต่ละครั้ง การจะเติมความหวานเพิ่มหรือไม่ โดยใช้น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง ฯ แล้วแต่ผู้ดื่ม
20150508_135904
น้ำทับทิม เราทำได้เองแบบง่ายๆ ดื่มทันทีหรือแช่เย็นแล้วแต่ชอบ น้ำทับทิม สีอ่อนหรือสีเข็ม อยู่ที่สีของเมล็ดทับทิม และการเพิ่มน้ำเปล่า ปริมาณที่ทำ ที่เขาทำขายใช้เนื้อทับทิมปริมาณมาก สีจึงเข็มกว่าในแก้วนี้ และแก้วนี้ไม่ได้เติมความหวาน
20150508_135924

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น