วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (128) Harald Walter Bernhard Schubring

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ
นาย Ted Herold นักร้องเพลงสมัยนิยมชาวเยอรมัน มีชื่อจริงว่า Harald Walter Bernhard Schubring เกิดที่กรุง Berlin-Schöneberg เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ค.ศ. ๑๙๔๒ (พ.ศ. ๒๔๘๕) พ่อเป็นนายช่างเครื่องบินทิ้งระเบิด ต่อมาในปี ๑๙๕๑ (พ.ศ. ๒๔๙๔) ครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง BadHomburg vor der Höhe
เขาชอบเพลงมาก โดยเฉพาะเพลงร็อคอเมริกันของ Bill Haley, Buddy Holly และของ Elvis Presley จึงได้ชวนเพื่อนนักเรียนร้องเพลงดัง ๆ ของนักร้องเหล่านั้น จนกระทั่งปี ๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๕๐๑) เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งได้ติดต่อห้างแผ่นเสียง Polydor ให้ หลังจากได้ทดสอบเสียงร้องเพลงแล้ว  เขาได้ร้องเพลงบันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกในห้องบันทึกเพลงของห้าง ฯ ที่นครรัฐฮัมบวร์ก ในความควบคุมการผลิตของนาย Bert  Kaempfert ผู้ผลิตและหัวหน้าวงดนตรี โดยมีเพลงดังของเอ็ลวิส  คำร้องภาษาเยอรมันรวมอยู่ด้วย คือเพลง Ich brauch’ keinen Ring (Wear My Ring Around Your Neck), Ohne dich (Lover Doll), So schön ist nur die allerste Liebe (Judy) และเพลงWunderbar, wie Du heut’ wieder küßt (I got stung) ฝ่ายจัดการเห็นหน่วยก้านว่าเขาสอบผ่านเพลงแนวร็อค จึงให้เขาใช้ชื่อในการร้องเพลงว่า Ted Herold
แผ่นเสียงแรกประสบความสำเร็จพอสมควร แต่เขาก็ได้รับสัญญาให้มีส่วนร่วมในการจำหน่ายแผ่นเสียง พร้อมกับได้ย้ายที่บันทึกเพลงของห้าง ฯ ไปอยู่ที่กรุงเวียนนา โดยทำงานร่วมกับผู้ผลิตเพลงที่มีชื่อเสียงคือนาย Gerhard Mendelson ซึ่งเขาได้ปั้นนักร้องอาชีพแนวเพลงเดียวกันแต่นุ่มนวลกว่าคือนาย Peter Kraus แล้ว สำหรับ Ted Herold ต้องให้เป็นเอ็ลวิสเยอรมัน  ดังนั้นจนถึงปี ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) เขาจึงร้องแต่เพลงของเอ็ลวิสที่มีคำร้องเป็นภาษาเยอรมัน แต่เนื่องจากสถานการณ์หลังสงครามที่เคร่งครัด สถานีวิทยุกระจายเสียงเยอรมันจึงยังไม่นิยมเปิดแผ่นเสียงเพลงเหล่านี้บ่อย
เขาเรียนจบชั้นมัธยมในปี ๑๙๕๙ (พ.ศ. ๒๕๐๒) และเป็นปีที่เริ่มอาชีพร้องเพลงซึ่งมีทั้งออกแผ่นเสียงและเดินสายร้องเพลงครั้งแรกกับศิลปินคนอื่น ๆ เช่น Tommy Kent, Bully Buhlan, Ralf Paulsen และ Max Gregor โดยยึดแนวเพลงของเอ็ลวิสที่นุ่มนวลเป็นหลักตั้งแต่ปี ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) จากเพลง Moonlight ที่นาย Werner Scharfenberger และนาย Fini Busch ร่วมกันแต่งคำร้องให้ สามารถขายแผ่นเสียงได้ถึง ๕๐๐,๐๐๐ แผ่น นับว่าประสบความสำเร็จมากและติดอันดับที่ ๑  ของตารางเพลงเยอรมันยอดนิยม เขาจึงกลายเป็นนักร้องเพลงร็อคเยอรมันที่ปรากฏตัวในหนังเพลงระหว่างปี ๑๙๕๙-๑๙๖๓/พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๖) รวมทั้งได้เป็นนักร้องคลอในวงดนตรีของนาย Johannes Fehring เสียส่วนมาก แต่ในวงดนตรีอื่น ๆ ก็มีบ้าง เช่นวงดนตรีของนาย Werner Scharfenberger นาย Erwin Halletz นาย Boris Jojic นาย Gerry Friedrich และนาย Bill Justis
เขาต้องหยุดร้องเพลงกลางคัน เมื่อถูกเกณฑ์ทหารไปประจำการอยู่ที่เมือง Wetzlar ในปี ๑๙๖๓ (พ.ศ. ๒๕๐๖) และได้รับการศึกษาอบรมด้านการรับส่งสื่อสารทางวิทยุ จึงถือโอกาสออกเพลงเผยแพร่ทางคลื่นเพลงสำหรับวัยรุ่นบ้างจนพ้นเกณฑ์  ด้วยยศนายสิบในปี ๑๙๖๔ (พ.ศ. ๒๕๐๗) ปีต่อมา ระหว่างที่เพิ่งเริ่มเรียนวิชาช่างเท็คนิควิทยุและโทรทัศน์ในเมืองเว็ทซล่าร์ เขาได้รู้จักและแต่งงานกับนางสาว Karin Höhler ลูกสาวเจ้าของห้องพักในเมืองนั้น แล้วได้พากันโยกย้ายมาอยู่ที่ Wetzlar-Nauborn ในปี ๑๙๖๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ซึ่งเป็นปีที่เขาร้องเพลงบันทึกแผ่นเสียงชุดสุดท้ายที่ห้างแผ่นเสียง Polydor และมาร้องเพลงบันทึกแผ่นเสียง ๒ ชุดในปี ๑๙๖๙ (พ.ศ. ๒๕๑๒) ที่ห้าง Metronome  ตั้งแต่ปี ๑๙๗๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓) ได้ทำงานเป็นหัวหน้าโรงงานตามที่ได้ร่ำเรียนวิชาชีพมา และได้สอบเป็นนายช่างในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๗๗ (พ.ศ. ๒๕๒๐) ซึ่งในปีนั้นเขาได้รับข้อเสนออย่างปัจจุบันทันด่วนจากนาย Udo Lindenberg นักร้องเพลงร็อคชาวเยอรมันให้มาร่วมทำแผ่นเสียงลองเพลย์ชุด Panische Nächte  และร่วมเดินสายร้องเพลงทั่วประเทศ เขาจึงได้ทำสัญญากับห้าง Teldec ออกเพลงใหม่ ๆ และนำเพลงร็อคที่เคยร้องไว้มารวมไว้ด้วย และตั้งแต่ปี ๑๙๗๘ (พ.ศ. ๒๕๒๑) เขาก็ได้เพื่อนที่เคยเล่นดนตรีและร้องคลอในวงดนตรีเก่าซึ่งเป็นนักกีต้าร์ทั้ง ๒ คนมารวมกลุ่มด้วยคือนาย Helmut Franke และนาย Peter Hesslein
ปลายคริสต์ทศวรรษที่ ๑๙๙๐ เพลงที่เขาเคยร้องได้ทำออกมาเป็นแผ่นซีดี ทำให้ยุคเก่าของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีก ทั้งยังได้รับเชิญไปออกรายการทางโทรทัศน์และงานรอบปฐมทัศน์หลายรายการ เช่นในหนังโทรทัศน์ชุด Lindenstraße ตอนที่ ๑๑๑๖ เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. ๒๐๐๗ (พ.ศ. ๒๕๕๐) และหลังการแสดงสดก็ได้ออกแผ่นซีดีอีกหลายชุด
เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. ๒๐๐๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕) เขาได้ออกเพลง Ob 16 oder 60 เนื่องในโอกาสที่ได้ร้องเพลงเป็นอาชีพมาครบ ๔๕ ปี กับครบรอบปีเกิด ๖๐ ปี รวมทั้งออกแผ่นซีดีที่รวมเพลงเด่นของเขาชื่อชุด Mein verrücktes/verrocktes Leben นอกจากนั้นในเดือนนี้ยังได้แต่งงานใหม่กับนาง Manuela ที่เมืองด๊อร์ทมุนด์ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันมาจนถึงทุกวันนี้
ตั้งแต่ปี ๒๐๐๕ (พ.ศ. ๒๕๔๘) เขาทำงานร่วมกับนาย Klaus Pelizaeus กับนาย Hans Rolf (Charlie) Schade ผู้ผลิตเพลง จากแผ่นเพลงใหม่ชุด 1958-wir waren dabei  ทำให้เขาได้รับความนิยมในรายการ Hitparade ตามด้วยแผ่นเพลงชุดที่ ๒๖ ชื่อ Jukebox, Jeans, Rock ‘n’ Roll ในเดือนมกราคม ปี ๒๐๐๘ (พ.ศ. ๒๕๕๑) และในเดือนธันวาคม ปีต่อมาได้ออกแผ่นเพลงชุดที่ ๒๗ ชื่อ Wahre Liebe wird nicht älter ในโอกาสที่แสดงในเทศกาลคริสต์มาสที่ Dortmunder Westfalenhalle ซึ่งเพลงทั้ง ๒ ชุดนั้น ผู้ผลิตทั้ง ๒ คน เป้นผู้ดำเนินการ นอกจากนั้นยังได้ผลิตแผ่นเพลงในรูปคาราโอเกะหลายเพลงควบคู่มาตั้งแต่ปี ๒๐๐๗ (พ.ศ. ๒๕๕๐) สำหรับปีที่แล้วมี ๒ ชุด คือ Nicht jede hat ein Herz wie du และ Es regnet harte Dollars ส่วนปีนี้เพิ่งออกชุดเดียวตือ Scheich in Abu Dhabi
เขาได้รับรางวัล Goldene Stimmgabel ในปี ๑๙๘๒ (พ.ศ. ๒๕๒๕) และปี ๑๙๘๘ (พ.ศ. ๒๕๓๑) กับรางวัล DVD ชื่อ Unterwegs จาก Bear Family Records ซึ่งจัดทำให้เนื่องในโอกาสที่เขามีอายุ ๖๕ ปี ในปี ๒๐๐๗ (พ.ศ. ๒๕๕๐)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น