องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงในรายงานฉบับหนึ่ง ว่าไส้กรอกและเนื้อสัตว์เป็นอาหารก่อมะเร็ง ผู้บริโภคควรจำกัดการบริโภค
ตามการประเมินของสำนักงานตัวแทนวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ไส้กรอก แฮม และเนื้อสัตว์ที่แปรรูปอื่น
ๆ เป็นสารก่อมะเร็ง เจ้าหน้าที่ของ
WHO เปิดเผยเมื่อวันที่ ๒๖
ตุลาคมที่ผ่านมาที่ Lyon ว่าการบริโภคเป็นประจำเพิ่มความเสี่ยงสำหรับมะเร็งลำไส้
นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญจัดเนื้อสัตว์สีแดงโดยทั่วไปว่าเป็นอาหารก่อมะเร็ง ในจำนวนนี้ หมายถึง
เนื้อกล้ามของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น วัว หมู ลูกแกะ ลูกวัว แกะ ม้า และแพะ
Christopher Wild หัวหน้าสำนักงาน ฯ กล่าวว่าผลการศึกษานี้ ช่วยยืนยันข้อเสนอแนะด้านสุขภาพที่ใช้อยู่ให้จำกัดขอบเขตการบริโภคเนื้อสัตว์
ศาสตราจารย์ Heiner Boeing
จากสถาบันเพื่อการวิจัยอาหารเยอรมันที่ Potsdam-Rehbrücke
ที่ไม่ได้ร่วมในรายงาน ย้ำว่าคนเราสามารถกินเนื้อสัตว์ได้โดยไม่ต้องคิดมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กิน สมาคมอาหารเยอรมัน (DGE)
แนะนำว่าไม่ควรกินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์มากเกินกว่า ๓๐๐-๖๐๐
กรัมต่อสัปดาห์
Antje
Gahl โฆษกของ DGE กล่าวที่บอนน์ว่า แต่ความเป็นจริงทั่วประเทศเป็นอย่างอื่น โดยผู้ชายกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์เฉลี่ยสัปดาห์ละมากกว่านี้สองเท่า
คือ ไส้กรอกและเนื้อสัตว์ ๑,๐๙๒ กรัม ในผู้หญิงอยู่ที่เกณฑ์ระดับบนด้วยจำนวน
๕๘๘ กรัม คณะทำงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ
๒๒ คนได้วิเคราะห์การศึกษามากกว่า ๘๐๐ ชิ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการบริโภคเนื้อสัตว์และความเสี่ยงสำหรับโรคมะเร็งชนิดต่าง
ๆ
เจ้าหน้าที่ WHO สรุปว่าความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น
๑๘% ในการบริโภควันละ ๕๐ กรัม การแปรรูปหมายถึงว่าเนื้อสัตว์มีการหมักเกลือหรือรมควัน ตามข้อมูลของ Kurt Straif
จากสำนักงานตัวแทนวิจัยโรคมะเร็ง ความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้นพร้อมกับปริมาณของเนื้อสัตว์ที่บริโภค ตามสายตาของนักวิชาการ เนื้อสัตว์สีแดงมีข้อยืนยันที่บ่งชี้ว่าสามารถก่อมะเร็งในมนุษย์ ต่อคำถามที่ว่า วิธีการปรุงที่แตกต่างกันมีผลกระทบต่อความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งหรือไม่ ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะตอบได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น