นับแต่มีมนุษย์ก็มีความหิวโหย ความยากจน การปฏิบัติต่อไม่เท่าเทียมกัน องค์การสหประชาชาติวางแผนจะเอาชนะความหิวโหยและความยากจนสุดขีดให้ได้ใน
๑๕ ปี ผู้นำประเทศและหัวหน้ารัฐบาลราว ๑๖๐
ประเทศรวมทั้งพระสันตปาปาได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อวันที่
๒๖-๒๗ กันยายนที่ผ่านมาเพื่อยืนยันเป้าหมายนี้
แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป้าหมายนี้ฝันเฟื่องเกินไปหรือเปล่า เป้าหมายความยั่งยืน (ชื่อย่อภาษาอังกฤษ
SDGs ) เป็นตอนต่อของ MDGs
(เป้าหมายการพัฒนาช่วงสหัสวรรษ) เมื่อ ๑๕
ปีก่อนนักการเมืองจากทั่วโลกได้ตกลงกันว่าจนกว่าจะถึงปี ๒๐๑๕
จะลดตัวเลขผู้หิวโหยและผู้ยากจนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินน้อยกว่า ๑.๕๐
ดอลลาร์ต่อวันลงครึ่งหนึ่ง
ให้การศึกษาประถมต้นเด็กทุกคนและลดการเสียชีวิตของเด็กและมารดา
และตามความเป็นจริงเป้าหมายเหล่านี้จำนวนมากสัมฤทธิ์ผลหรืออย่างน้อยก็เกือบบรรลุผล ดังนั้น จึงควรกำหนดเป้าหมายตามด้วย
SDGs ในอีก ๑๕
ปีข้างหน้าความหิวโหยและความยากจนทั่วโลกในทุกรูปแบบควรถูกกำจัดไป นอกจากนั้น
ประชาชนทุกคนควรมีน้ำสะอาดและสามารถเข้าถึงห้องน้ำที่ใช้ได้
การละเลยสตรีและเด็กหญิงไม่ควรมีอีกต่อไปและมนุษย์ทุกคนสามารถใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ควรลดลงและสร้างความเจริญเติบโตทั่วโลก ประกอบอุตสาหกรรมในรูปแบบที่ยั่งยืน Bill Gates ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์กล่าวว่าอุปสรรคสูง แต่เช่นที่เราเห็นในรอบ ๑๕ ปีสุดท้ายมีโอกาสที่ดีถึงความสำเร็จ
เขาโต้แย้งว่าไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มาตรฐานชีวิตของประชาชนจำนวนมากเพิ่มขึ้นมากเช่นนับแต่ปี
๒๐๐๐ ขณะนี้ SDGs
แสดงโลกอย่างที่เราอยากให้เป็นมาตลอดเวลา SDGs
หมายถึงการผลักดันประเทศกำลังพัฒนาไปข้างหน้า ประเทศที่พัฒนาแล้วให้เป็น “สีเขียว”
Christian
Kroll หัวหน้าคณะการวิจัยศึกษาของมูลนิธิ Bertelsmann กล่าวว่าหากถือเป้าหมายความยั่งยืนเป็นเครื่องวัด
ประเทศทุกประเทศยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา
เขาได้ตรวจสอบความยั่งยืนของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) ทั้งหมดและพบว่าเศรษฐกิจการเกษตรเป็นเกษตรอินทรีย์น้อยเกินไป
การปกป้องธรรมชาติไม่เพียงพอ และมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ผลิตขยะมากกว่าชาวเยอรมัน องค์การให้ความช่วยเหลือมองเห็นปัญหาสังคมด้วย
หากปราศจากการปรับการแบ่งสรรจะไม่สามารถเป็นไปได้ Tobias Hauschild จาก Oxfam
กล่าวว่าเราสามารถยุติความยากจนสุดขีดได้โดยต้องปิดช่องโหว่ด้านการแบ่งสรรระหว่างผู้ร่ำรวยและประชาชนที่เหลือ มีข้อสงสัยว่าเป้าหมายสหัสวรรษเพียงประสบความสำเร็จเนื่องจากความมั่งคั่งในอดีตประเทศกำลังพัฒนา
เช่น จีนและเกาหลีพุ่งขึ้นระดับบน แต่บิล
เกตส์ไม่เห็นด้วย ทั้งลิเบอเรีย แทนซาเนีย
มาลาวี บังคลาเทศและเอธิโอเปียบรรลุเป้าหมายลดการเสียชีวิตของเด็กลง ๒ ใน ๓
และเอธิโอเปียที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความหิวโหยและความยากจนได้กระทำความก้าวหน้าที่สำคัญบางประการ เป้าหมายที่ชัดเจนบรรลุผลเนื่องจากผลักดันประเทศผู้ให้
ประเทศกำลังพัฒนาและประชาชนให้ร่วมงานกัน
หากทั้งหมดประสบผล ๑๕ ปีข้างหน้าอาจเป็นศักราชที่สำคัญที่สุดของมนุษยชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น