วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไซโคลน “ฮุดฮุด” พัดขึ้นฝั่งถล่มภาคตะวันออกอินเดีย สังเวยแล้วอย่างน้อย 5 ศพ

      เอเจนซีส์-มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คนหลังจากพายุไซโคลน “ฮุดฮุด” พัดเข้าถล่มชายฝั่งทางตะวันออกของอินเดียในวันอาทิตย์ (12) ด้วยความเร็วลมสูงกว่า 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพบความเสียหายใหญ่หลวงต่ออาคารบ้านเรือน 
       
       รายงานข่าวระบุว่า ไซโคลนฮุดฮุดได้พัดขึ้นฝั่งที่เมือง “วิสาขปัตนัม” เมืองใหญ่อันดับสองที่เป็นบ้านของประชากรกว่า 2 ล้านคนในรัฐอานธรประเทศ และยังถือเป็นเมืองอุตสาหกรรมรวมถึงเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือสำคัญ ติดชายทะเลฝั่งตะวันออกของอินเดีย
       
       โดยการพัดขึ้นฝั่งของไซโคลนลูกนี้ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 5 ราย จากการถูกทับด้วยต้นไม้ที่หักโค่นและการพังถล่มของอาคารที่สร้างด้วยอิฐหลังหนึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เผยว่า พบความเสียหายเกิดขึ้นเป็นวงกว้างต่ออาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆในเมืองวิสาขปัตนัม
       
       ด้านสำนักงานมุขมนตรีรัฐอานธรประเทศออกคำแถลงที่ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปความเสียหายที่แน่ชัดจากภัยพิบัติครั้งนี้และอาจต้องรอจนถึงวันจันทร์ (13) กว่าที่จะสามารถเริ่มกระบวนการประเมินความเสียหายและเยียวยาผู้ประสบภัยได้แต่ยอมรับว่านี่คือหายนะทางธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดที่รัฐอานธรประเทศต้องเผชิญในปีนี้
       
       ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดียสั่งการให้ทางการท้องถิ่นเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกช่องทางที่เป็นไปได้ต่อผู้ประสบภัย และกล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 150,000 คน ตั้งแต่ก่อนที่ไซโคลนลูกนี้จะพัดขึ้นฝั่งเพื่อลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
       
       ในอีกด้านหนึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (ไอเอ็มดี) รายงานว่า อิทธิพลของไซโคลนฮุดฮุดส่งผลให้เกิดคลื่น “สตอร์มเซิร์จ”ความสูงระหว่าง 1-2 เมตรซัดเข้าสู่ชายฝั่งเมืองวิสาขปัตนัมและอีกหลายเมืองที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมเตือนว่า ไซโคลนซึ่งมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางกว่า 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลูกนี้อาจทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่รัฐอานธรประเทศมากกว่า 24.5 เซนติเมตร (ราว 10 นิ้ว)
       
       อย่างไรก็ดี ไอเอ็มดีคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ไซโคลนฮุดฮุดอาจอ่อนกำลังลงหลังพัดขึ้นฝั่งไปแล้ว จนอาจเหลือความเร็วลมที่ศูนย์กลางเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น