รายงานข่าวจากเอเอฟพี – นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลียออกมาปกป้องพลังงานถ่านหินว่าเป็น “รากฐานความเจริญของประเทศ” วันนี้(4) หลังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงหายนะทางสิ่งแวดล้อมที่มีสาเหตุมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา(2) ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศของยูเอ็นเตือนว่า อัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ชนิดหลัก ๆ พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 800,000 ปี ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ภายในปี 2100
เมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องนี้ ผู้นำออสเตรเลียตอบว่า ถ่านหินซึ่งเป็นทั้งสินค้าส่งออกที่สำคัญและแหล่งพลังงาน จะยังคงเป็นแกนหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ผู้นำแดนจิงโจ้ชี้ว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยตอบสนองความต้องการใช้พลังงานทั่วโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองในประเทศที่ยากจนกว่า
ถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมัน แม้จะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็เป็นทรัพยากรพลังงานที่สำคัญของโลกด้วยเช่นกัน
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change – IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดยูเอ็น เผยรายงานชิ้นสำคัญซึ่งระบุว่า หากอัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง อุทกภัย การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืช ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา(2) ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศของยูเอ็นเตือนว่า อัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ชนิดหลัก ๆ พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 800,000 ปี ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ภายในปี 2100
เมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องนี้ ผู้นำออสเตรเลียตอบว่า ถ่านหินซึ่งเป็นทั้งสินค้าส่งออกที่สำคัญและแหล่งพลังงาน จะยังคงเป็นแกนหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ผู้นำแดนจิงโจ้ชี้ว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยตอบสนองความต้องการใช้พลังงานทั่วโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองในประเทศที่ยากจนกว่า
ถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมัน แม้จะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็เป็นทรัพยากรพลังงานที่สำคัญของโลกด้วยเช่นกัน
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change – IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดยูเอ็น เผยรายงานชิ้นสำคัญซึ่งระบุว่า หากอัตราการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง อุทกภัย การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืช ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
ผู้จัดการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น