วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อาหารตัวช่วยตับขับพิษ

ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพของตับเป็นประจำ จะช่วยแบ่งเบาภาระในการทำงานให้ตับได้ ซึ่งการที่ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ร่างกายมีพลังมากขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากหน้าที่ในการขับสารพิษแล้ว ตับยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เมื่อร่างกายต้องการตับที่แข็งแรงจะส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดี เพราะตับนั้นจะช่วยลดการติดเชื้อ โดยช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย เราจึงต้องดูแลตับด้วยการเลือกทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ ถ้าในแต่ละมื้อประกอบด้วยอาหารต่อไปนี้ ก็จะเป็นการช่วยตับให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง
ต่อไปนี้เป็นอาหารอันดับต้นๆที่ช่วยตับในการล้างพิษ
1.กระเทียมสด สามารถเร่งการขับน้ำดีได้ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่น้ำดีจางลง เพราะจะได้ไม่เกิดอาการท้องอืดเฟ้อ เพราะอาหารไม่ย่อยหลังจากกินอาหารมันๆ เข้าไป นอกจากนี้กระเทียมยังปกป้องตับจากสารพิษ จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคตับทั้งมวลค่ะ   การกินกระเทียมสดวันละ 1-3 กลีบจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ และยังป้องกันการจับตัวของเลือดจนเป็นลิ่ม ที่เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้ด้วย
2.หัวหอม มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก แล้วช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเรสตอลรอล LD ที่เป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้นด้วย
3.มะนาว มีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่เรียกว่า ไบโอฟลาโวนอยด์สูง จึงช่วยการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ และยังมีวิตามินสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน จะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้นด้วย
4.ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลีช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และยังช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้พียงพอในการกำจัดของเสียอีกด้วย
5.บร็อคโคลี่ มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีที่สูง อีกทั้งบร็อคโคลี่ยังอุดมไปด้วยสารกลูโคซิโนเลตเช่นเดียวกับสารซัลโฟราเฟน ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษ ถ้ากินดิบๆ โดยนำดอกบร็อคโคลี่จิ้มกับซัลซ่า
อาหารที่กล่าวมานี้จะช่วยขับสารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ของเรา รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอีกด้วย
pak-26-08-14
ที่มา: กรมแพทย์ทหารเรือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น