วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

UNHCR ระบุยอดชาวซีเรียลี้ภัยในต่างแดนพุ่งทะลุ 3 ล้าน “เป็นเด็ก” กว่าครึ่งของผู้อพยพ

      เอเอฟพี – องค์การชำนาญการด้านผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า ยอดชาวซีเรียที่อพยพหนีสงครามกลางเมืองไปขอลี้ภัยในต่างแดนพุ่งทะลุ 3 ล้านคนแล้ว โดยในปีที่แล้วเพียงปีเดียว ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคน 
       ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุในคำแถลงว่า “วิกฤตยอดผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่กำลังมากขึ้นเรื่อยๆ จะพุ่งทะลุยอด 3 ล้านคนในวันนี้” พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมถึงชาวซีเรียอีกหลายแสนคนที่หลบหนีออกนอกประเทศโดยไม่ได้จดทะเบียนขอลี้ภัยอย่างเป็นทางการ
       
       ยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุว่า ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนตัวเลขชาวซีเรียที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยยังอยู่ที่ 2 ล้านคน พร้อมกันนี้หน่วยงานได้อ้างถึงรายงานสภาวการณ์ในซีเรียที่น่าหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ” เพื่ออธิบายสาเหตุที่ผู้ลี้ภัยมีจำนวนเพิ่มขึ้น
       
       รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า “ประชากรที่อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ ซึ่งถูกปิดล้อมกำลังหิวโหย และพลเรือนกำลังตกเป็นเป้าโจมตี หรือถูกสังหารไม่เลือกหน้า”
       
       สงครามซีเรีย สมรภูมิที่นักรบแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ได้คร่าชีวิตประชากรไปกว่า 191,000 คน นับตั้งแต่กบฏลุกฮือขึ้นต่อต้านระบอบปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมือเดือนมีนาคม ปี 2011
       
       ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า นอกจากผู้ลี้ภัยแล้วยังมีประชาชนอีก 6.5 ล้านคนต้องละทิ้งถิ่นหนีสถานการณ์ความรุนแรงไปอาศัยอยู่ในสถานที่อื่นๆ ในประเทศ ซึ่งก็หมายความว่า มีชาวซีเรียมากเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ถูกบีบให้ละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน
       
       ยูเอ็นเอชซีอาร์ครวญว่า กว่าครึ่งของผู้พลัดถิ่นทั้งหมดเป็นเด็ก
       
       *** ภาระอันใหญ่หลวงของประเทศเพื่อนบ้าน ***
       ชาวซีเรียส่วนใหญ่ได้พากันอพยพไปอาศัยอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ มีชาวซีเรียไปขอลี้ภัยในเลบานอนมากถึง 1.14 ล้านคน จอร์แดน 608,000 คน และตุรกี 815,000 คน
       
       ยูเอ็นเอชซีอาร์เน้นย้ำว่า ประเทศที่มีนโยบายเปิดรับผู้ลี้ภัยนั้นได้แบกรับภาระอัน “ใหญ่หลวง” ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากร พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ลี้ภัยเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
     อันโตนีโอ กูเตร์เรส ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ระบุในคำแถลงว่า “วิกฤตซีเรียได้กลายเป็นสภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุดในยุคเรา กระนั้นความช่วยเหลือจากทั่วโลกก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ลี้ภัย และประเทศที่รับดูแลพวกเขา”
       
       เขากล่าวเสริมว่า “มีผู้ส่งความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยสงครามซีเรียมากมาย แต่ความเป็นจริงที่ขื่นขมก็คือ พวกเขายังขาดแคลนอีกมาก”
       
       บรรดาผู้บริจาคจากทั่วโลกได้ระดมส่งเงินช่วยเหลือกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ชาวซีเรียที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้ง แต่ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ยังต้องการเงินอีก 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาสิ้นปีนี้ เพื่อใช้ในการจัดหาข้าวของเครื่องใช้ในยามจำเป็นเร่งด่วนให้แก่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้
       
       เดวิด มิลลิแบนด์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ซึ่งในเวลานี้ดำรงตำแหน่งประธานองค์การคุ้มครองผู้ลี้ภัย “อินเตอร์เนชันแนล เรสเคียว คอมมิตตี” (ไอร์อาร์ซี) แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อตัวเลขผู้ลี้ภัยที่สูงลิ่วเช่นนี้ทันทีทันควัน
       
       เขาระบุในคำแถลงว่า “การที่มีผู้ลี้ภัยจากสงครามซีเรียมากถึง 3 ล้านคนเปรียบได้กับการยื่นคำร้องเรียน 3 ล้านฉบับ เพื่อประจานความโหดร้ายของรัฐบาล ความรุนแรงของกบฏ และความล้มเหลวของนานาชาติ”
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น