วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

IS ลักพาตัว “ผู้หญิง-เด็กยาซิดี” ร่วม 3,000 หวั่นอิสลามิสต์ข่มขืนหมู่“หวังทำลายยีนส์ผมทอง”

       เอเจนซีส์ – ผู้หญิงและเด็กยาซิดีในทางเหนือของอิรักจำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 คนถูก IS ลักพาตัวภายใน 14 วัน เกรงอาจมีการใช้ผู้หญิงของชนเผ่ายาซิดีที่สืบเชื้อสายอารยันเป็นที่เผยแพร่พันธุ์ลูกหลานนักรบอิสลามิสต์หวังทำลายยีนส์ผมทองตาสีฟ้า ในขณะที่ผู้ชายยาซิดีนับร้อยถูกจ่อยิงเสียชีวิตหลังปฎิเสธเปลี่ยนศาสนา 
       
       สื่ออังกฤษรายงานในวันอาทิตย์(17)ว่า ชนกลุ่มน้อยยาซิดีที่สืบเชื้อสายมาจากอารยันมีลักษณะผมทองและตาสีฟ้า และจะแต่งงานแต่ภายในกลุ่มยาซิดีด้วยกันเท่านั้นได้ตกเป็นเป้าของกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธ IS ที่ต้องการจะทำลายยีนส์สายพันธุ์ผมสีบลอนด์ให้หมดไปด้วยการให้นักรบ IS ใช้เหยื่อลักพาตัวผู้หญิงยาซิดีตั้งท้องลูกมุสลิมของเหล่านักรบอิสลามิสต์แทน
       
       การลักพาตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่จับอาวุธลุกขึ้นสู้ IS และผู้หญิงถูกควบคุมตัวแยกออกจากกลุ่มผู้ชายในเทล อาฟาร์( Tal Afar )เขตปกครองภายใต้อิทธิพลของ IS ทางตะวันออกของซินจาร์
       
       มีชนพลัดถิ่นอิรักราว 20,0000 คนสามารถอพยพเข้าไปอยู่ในเขตอิทิพลของเคิร์ดสำเร็จ แต่ส่วนที่เหลือยังติดอยู่บริเวณภูเขา
       
       ด้านโดนาเทลลา โรเวรา ( Donatella Rovera) ที่ปรึกษาระดับสูงด้านการรับมือวิกฤตของแอมเนสตีสากลให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า “เหยื่อมีทุกเพศทุกวัยนับตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้สูงอายุชายและหญิง และดูเหมือนว่ากลุ่มอิสลามิสต์จะนำตัวคนทั้งหมดในครอบครัวไปสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้หลบหนี ทางแอมเนสตีเกรงว่าจะมีการสังหารโหดเกิดขึ้น”
       
       ดาคฮิล อัตโต โซโล (Dakhil Atto Solo) ให้สัมภาษณ์ว่า ญาติหญิงชาวยาซิดีของเขา ทั้ง 2 คน ไลลา คาลาฟ (Leila Khalaf) และ วาดฮาน คาลาฟ ( Wadhan Khalaf) เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูก IS ลักพาตัวมาจากหมู่บ้าน มูจามมา จาซิรา (Mujamma Jazira ) และเสริมต่อกับเอเอฟพีว่า เหตุลักพาตัวเกิดขึ้นเมื่อชาวหมู่บ้านพยายามต้อสู้กับ IS “แน่นอนพวกเราพยายามปกป้องหมู่บ้านของเราแต่กลุ่มอิสลามิสต์มีอาวุธหนักมากกว่า เพราะอาวุธที่เรามีแต่เพียงแต่ปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟส์ (Kalashnikovs)เท่านั้น โดยกลุ่ม IS สังหารผู้ชายของหมู่บ้านไป 300 คน และพากลุ่มผู้หญิงไปขังคุกในของพวกเขา มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยพวกเธอได้ แต่ทางครอบครัวสามารถช่วยเหลือบุตรหลานออกมาได้สำเร็จ” โซโลกล่าว และยังให้ข้อมูลเพิ่มว่า “กลุ่มผู้หญิงถูกขังอยู่ในบ้านที่มีกลุ่มนักรบ IS เฝ้าไว้ แต่พวกเราสามารถหลบหนีออกมาได้ และเดี๋ยวนี้บรรดาเด็กๆร้องหาแต่กับแม่ของพวกเขา “แม่ แม่ อยู่ไหน” และทางเราต้องปลอบว่า “แม่ไม่อยู่” “
       
       การให้สัมภาษณ์ของโซโลมีขึ้นหลังข่าวกลุ่ม IS สังหารโหดผู้ชายชาวยาซิดีจำนวนหลายร้อยคน ให้เหยื่อจับกลุ่มยืนเรียงหน้ากระดานและกราดยิงด้วยปืนไรเฟิลก่อนที่จะจับภรรยาและลูกคนเหล่านั้นไป
       
       นักการเมืองยาซิดีอ้างเหตุสังหารหมู่ในโคโช (Kocho) เป็นหลักฐานชี้ว่า ชนเผ่ายาซิดียังคงตกอยู่ในอันตรายหลังจาก 1 สัปดาห์ที่สหรัฐฯใช้การโจมตีทางอากาศเป้าหมายถล่มกลุ่มติดอาวุธ IS
       
       ทั้งนี้เหล่านักรบอิสลามิสต์สุหนี่ได้ปิดล้อมหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยอิรัก 12 วันก่อนหน้าวันเสาร์(17) และสั่งให้ยาซิดีต้องหันมานับถือศาสนาอิสลามหรือไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกสังหาร โดย IS เข้ามาปิดล้อมในบ่ายวันศุกร์(17) ทางกลุ่มให้ทุกคนรวมตัวภายในโรงเรียนของหมู่บ้าน และสัญญาว่าจะปล่อยตัวไปหลังเสร็จสิ้นการบันทึกข้อมูล นาเยฟ จาสเซม (Nayef Jassem) น้องชายของนายกเทศมนตรีโคโช ที่เป็นพยานในเหตุการณ์เผย
       
       และเหยื่อรอดชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลวัย 42 ปีผู้นี้เล่าให้นักข่าวฟังต่อว่า นอกจากนี้ IS ได้แยกกลุ่มชายและหญิงออกจากกัน รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และแยกชายฉกรรจ์และวัยรุ่นชายออกไป หลังจากนั้นได้ลั่นไกสังหารพวกเขาที่นอกหมู่บ้านด้วยปืนไรเฟิลโดยให้จับกลุ่มเรียงหน้ากระดาน และนักรบอิสลามิสต์ใช้ปืนพกจ่อยิงชาวบ้านที่ศรีษะอีกครั้งหากดูเหมือนว่าจะยังมีใครมีลมหายใจอยู่ “พวกอิสลามิสต์คิดว่าพวกเราตายหมดแล้ว และเมื่อ IS กลับออกไปหมดแล้ว พวกเราวิ่งหลบหนี เราหลบไปอยู่ที่หุบเขาจนกระทั่งมืดและหนีขึ้นภูเขาซินจาร์ไป” จาสเซมให้สัมภาษณ์
       
       และมีการเกรงว่าเหล่านักรบอิสรามิสต์จะใช้ตัวประกันเพศหญิงเป็นที่กำเนิดลูกหลานอิสลามิสต์แทน เพื่อต้องการทำให้สายพันธุ์อารยันที่มีผมทอง ตาสีฟ้า และผิวขาว ต้องสูญสิ้นลง ทั้งนี้ อัดนาน โคชาร์ (Adnan Kochar) ประธานกรรมการศูนย์วัฒนธรรมเคิร์ดในกรุงลอนดอน อังกฤษได้ให้ข้อมูลกับสื่ออังกฤษว่า ทั้งเคิร์ดและยาซิดีต่างสืบเชื้อสายมาจากอารยัน แต่เพราะสังคมยาซิดีเป็นสังคมปิดขนาดเล็กที่มีการแต่งงานเฉพาะในกลุ่ม ทำให้ชาวยาซิดีมีผิวขาว ตาสีฟ้า และผมสีทอง “IS นำตัวผู้หญิงยาซิดีร่วม 300 คน จากซินจาร์ให้เป็นภรรยาของกลุ่มสมาชิก IS เพื่อให้หญิงเหล่านั้นตั้งท้องเพื่อคลอดเด็กมุสลิมออกมา เพราะหาก IS สังหารยาซิดีไม่ได้ทั้งหมด พวกเขาใช้วิธีทำให้สิ้นสายพันธุ์ผมบลอนด์แทน” โคชาร์กล่าว
       
       ทั้งนี้โคชาร์เกิดในเคิร์ดิสถาน และคุณทวดเป็นชาวยาซิดีแต่ถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นเคิร์ดหลังจากมีการรุกรานเมื่อ 150 ปี

ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น