วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“เดวิด คาเมรอน” อึ้ง!! ญิฮัดตัดหัว “เจมส์ โฟลีย์” เป็นพลเมืองอังกฤษ

     เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ตั้งข้อสงสัยว่า นักรบญิฮัดสัญชาติอังกฤษที่พูดข่มขู่สหรัฐฯ ปรากฏในวิดีโอคลิปเป็นผู้ลงมือสังหารเจมส์ โฟลีย์ (James Foley) วัย 40 ปี และสกอตแลนด์ยาร์ดกำลังรีบดำเนินการหารายละเอียดญิฮัดสำเนียงชาวอังกฤษผู้นี้ ด้านเพนตากอนออกมายอมรับว่าภารกิจช่วยเหลือโฟลีย์ล้มเหลวเพราะพลาดการข่าวในจุดที่ตัวประกันถูกคุมตัว และฟิลิป บาลโบนี (Philip Balboni) ซีอีโอโกลบัลโพสต์ อดีตเจ้านายของโฟลีย์ อ้างว่าทำเนียบขาวรู้ที่อยู่ของเจมส์ โฟลีย์ ก่อนที่เขาจะถูกตัดหัว
       
       สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (20) ว่า นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน เผยความรู้สึกหลังจากชมคลิปวิดีโอของกลุ่ม IS ที่ประหารเจมส์ โฟลีย์ (James Foley) ช่างภาพนักข่าวอเมริกันด้วยความรู้สึกที่ตกใจมาก แต่กล่าวว่านี่ไม่ใช่เวลาที่อังกฤษต้องตอบโต้ทันทีโดยไม่ยั้งคิด และเสริมต่อว่า รัฐบาลของเขาจะใช้ความพยายามเพิ่มเป็น 2 เท่าในการหยุดยั้งพลเมืองอังกฤษไม่ให้เดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย
       
       โฟลีย์ ช่างภาพนักข่าววัย 40 ปี หายตัวไปตั้งแต่เขาถูกกลุ่มติดอาวุธ IS จับในซีเรียในปี 2012 และทาง IS ได้โพสต์คลิปการลงโทษโฟลีย์โดยการตัดหัวเพื่อบีบสหรัฐฯ ให้ยุติการโจมตีทางอากาศ ซึ่งทางทำเนียบได้ยืนยันว่าคลิปนี้เป็นของจริง และสกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษประกาศเตือนว่า “การเข้าชม ดาวน์โหลด หรือเผยแพร่” คลิปก่อการร้ายนั้นอาจผิดกฎหมายต่อต้านก่อการร้าย
       
       คาเมรอน ที่เพิ่งกลับจากการพักผ่อนได้เข้าร่วมประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ แถลงว่า นักรบญิฮัดผู้ลงมือตัดคอโฟลีย์นั้นยังไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่นักรบญิฮัดผู้ลงมือดูเหมือนจะเป็นชาวอังกฤษ
       
       “ต้องขอระบุก่อนว่า การกระทำนี้คือการสังหาร และเป็นการสังหารที่ปราศจากความชอบธรรม” คาเมรอนเผยกับนิค โรบินสัน บรรณาธิการข่าวการเมืองของบีบีซี และคาเมรอนยังกล่าวต่อไปว่า “มีชาวอังกฤษจำนวนนับไม่ถ้วนได้เดินทางเข้าไปในซีเรียและอิรักเพื่อร่วมสู้รบ และรัฐบาลของผมจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพื่อหยุดเรื่องนี้” คาเมรอนแถลง
       
       แต่กระนั้นคาเมรอนยังย้ำอีกรอบว่า จุดยืนของอังกฤษในขณะนี้จะไม่กลับเข้าร่วมในสงครามอิรักอีกครั้ง และจะไม่ส่งทหารเข้าไปรบในอิรัก การต่อกรกับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักต้องใช้การหาทางแก้ปัญหาและความอดทน และรวมไปถึงการปรับปรุงกฏหมายให้เข้มงวดมากขึ้น แต่จะไม่มีการใช้อารมณ์เพื่อตอบโต้สถานการณ์ร้อนที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
       
       ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ แถลงว่า “ทางรัฐบาลอังกฤษตระหนักดีว่ามีพลเมืองอังกฤษจำนวนหนึ่งเกี่ยวพันกับอาชญากรรมก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม ทำญิฮัดร่วมกับ IS และกลุ่มมุสลิมติดอาวุธอื่น และนี่เป็นสิ่งที่ทางเราต้องรับมือและกำลังติดตามค้นหาในเวลาหลายเดือน ซึ่งผมไม่คิดว่าการเผยแพร่คลิปประหารนักข่าวอเมริกันนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
       
       มีการคาดการณ์ว่า IS ที่มีเขตอิทธิพลตั้งแต่ซีเรียไปจนถึงตอนเหนือของอิรักมีพลเมืองอังกฤษเข้าร่วมถึง 400 คน และรัฐบาลอังกฤษได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 69 คนในอังกฤษ ที่ทางสก็อตแลนด์ยาร์ดคาดว่าได้มีส่วนเข้าร่วมรบในซีเรีย
       
       แฮมมอนด์ได้เผยความรุ้สึกของเขากับบีบีซีเรดิโอ 4 หลังจากชมคลิปแล้วว่า รู้สึกตกใจถึงความโหดร้ายในการประหารชีวิตที่ทารุณของ IS
       
       ด้านแฟรงก์ การ์ดเนอร์ (Frank Gardner) นักข่าวสายความมั่นคงของบีบีซีให้ความเห็นว่า วิดีโอคลิปประหารโฟลีย์อาจช่วยจูงใจให้มีคนเข้าร่วมขบวนการมากขึ้น “คลิปประเภทนี้สามารถชักนำพวกคนโหดเหี้ยม และโรคจิตได้ดี นี่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา และยิ่งไม่เกี่ยวกับดินแดน”
       
       และชีราซ มาเฮอร์ (Shiraz Maher) จากสถาบันนานาชาติเพื่อการศึกษาความคิดต่างแบบสุดขั้ว (Radicalisation)แห่งสถาบันคิง คอลเลจ ให้ความเห็นว่า พลเมืองอังกฤษที่เข้าร่วมขบวนการอิสลามิสต์ ไม่ยอมอยู่เป็นผู้ชมนั่งแถวหลัง และมีเป็นจำนวนมากกลายเป็นนักฆ่าญิฮัดสายฮาร์ดไลน์ 
       
       มาเฮอร์ให้สัมภาษณ์ในทูเดย์โปรแกรมว่า “เราเคยเห็นญิฮัดชาวอังกฤษเป็นมือระเบิดพลีชีพ และต่อมาเราได้เห็นพวกเขาหรือเธอเป็นเพชฌฆาต และช่างน่าเศราใจที่พลเมืองอังกฤษเหล่านั้นเป็นหนึ่งในนักรบญิฮัดฮาร์ดไลน์ที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่นั่น”
       
       ด้านเพนตากอนได้ให้สัมภาษณ์กับ NBC News สื่อสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (20) ยอมรับว่า ได้เคยส่งทีมหน่วยรบพิเศษในปฎิบัติการช่วยชีวิตโฟลีย์ และพลเมืองสหรัฐฯ คนอื่นที่ถูก IS จับตัวไว้ในซีเรีย แต่ล้มเหลวเพราะการข่าวของสหรัฐฯ พลาดที่ไม่สามารถหาที่ตั้งที่แท้จริงของสถานที่กักขังเชลยสหรัฐฯ ได้
       
       ปฏิบัติการช่วยชีวิตได้เริ่มในต้นในหน้าร้อนที่ผ่านมานี้เมื่อหน่วยรบพิเศษเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ภายใต้การคุ้มกันของเครื่องบินรบสหรัฐฯ บินเข้าไปยังสถานที่กบดานของ IS และได้มีการปะทะเกิดขึ้น และผลทำให้มีสมาชิกนักรบ IS เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หน่วยรบพิเศษคะเนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่คุมตัวโฟลีย์และพลเมืองอเมริกัน พวกเขาจึงกลับออกไป ซึ่งปฎิบัติการทั้งหมดใช้เวลาเร็วมาก
       
       นอกจากนี้ นักบินคนขับเฮลิคอปเตอร์ยังได้รับบาดเจ็บเมื่อ ฮ.ถูกกลุ่ม IS โจมตี แต่ยังโชคดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่อื่นได้รับบาดเจ็บ แหล่งข่าวเพนตากอนระบุ
       
       ด้านโฆษกเพนตากอนแถลงให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยว่า ได้มีปฏิบัติการทางอากาศและภาคพื้น ซึ่งเจาะจงไปที่เครือข่ายของกลุ่มญิฮัดที่จับตัวพลเมืองสหรัฐฯ ภายใน IS โดยเฉพาะ
       
       และฟิลิป บาลโบนี (Philip Balboni) ซีอีโอโกลบัลโพสต์ อดีตเจ้านายของโฟลีย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ WCVB-TV ในบอสตัน วันพุธ (20) ว่า หลังจากที่ช่างภาพนักข่าวได้หายตัวไป เขาได้จ่ายหลายล้านดอลลาร์จ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนในการตามหาโฟลีย์ในซีเรีย และได้ทราบถึงที่อยู่ของโฟลีย์ และดังนั้นบาลโบนีจึงเชื่อได้ว่าทางทำเนียบขาวต้องทราบข้อมูลนี้เช่นกัน
       
       บาลโบนียังอ้างต่อไปว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น แคร์รีย์ เคยร่วมอยู่ในกระบวนการค้นหา หรือเจรจาปล่อยตัวโฟลีย์ แต่เขาปฎิเสธที่จะระบุลงไปในรายละเอียด
       
       นอกจากนี้อดีตเจ้านายโฟลีย์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มก่อการร้าย IS ได้ส่งอีเมลมาหาครอบครัวโฟลีย์ในวันพุธ (13) เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ทางกลุ่มจะประหารลูกชายของพวกเขาเพื่อบีบบังคับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาให้หยุดการโจมตีทางอากาศในทางเหนือของอิรักเพื่อช่วยเหลือกองทัพเคิร์ด อย่างไรก็ตาม IS ไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องใดในอีเมล มีเพียงแต่แจ้งเรื่องการจะสังหารเจมส์ โฟลีย์ และบาลโบนีแถลงต่อว่า เขาได้ฟอร์เวิร์ดอีเมลนั้นให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ทันที ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ รับรู้ในเรื่องนี้ก่อนการเสียชีวิตของโฟลีย์
jwf-21-08-14
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น