วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

แผนสันติภาพเห็นผล ยูเครนเผยรัสเซียถอนทหารส่วนใหญ่ออกนอกดินแดนแล้ว

      รอยเตอร์ – ประธานาธิบดียูเครน เผยเมื่อวันพุธ (10 ก.ย.) ว่า รัสเซียได้ถอนทหารส่วนใหญ่ออกจากประเทศของเขาแล้ว เพิ่มความหวังว่าแผนสันติภาพที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ตอนนี้กำลังได้ผลในการหยุดยั้งความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,000 ศพ 
       
       แม้รัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ส่งทหารเข้าไปยังภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อสนับสนุนฝ่ายกบฏนิยมมอสโกต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลยูเครน แต่เคียฟและชาติตะวันตกยืนยันมีหลักฐานชัดเจนในทางตรงกันข้าม
       
       เปโตร โปโรเชนโก บอกกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ว่า ยูเครนจะยังคงเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้เงื่อนไขของโรดแมปสันติภาพที่เห็นชอบเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) แต่ยอมรับว่าบางพื้นที่ของภาคตะวันออกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏอาจได้รับสถานะพิเศษ
       
       “จากข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับจากหน่วยข่าวกรองของเรา ร้อยละ 70 ของทหารรัสเซีย ตอนนี้ได้เคลื่อนพลข้ามพรมแดนกลับไปแล้ว” เขากล่าว “มันเพิ่มความหวังต่อแนวโน้มในแง่ดีของการริเริ่มสันติภาพ” อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบอกว่าการยืนหยัดตามข้อตกลงหยุดยิง พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าพวกก่อการร้ายยังพยายามยั่วยุกองกำลังเคียฟอย่างไม่ลดละ
       
       ข้อมูลของทหารยูเครน พบว่า มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างน้อย 6 ครั้ง เมื่อคืนวันอังคาร (9 ก.ย.) แต่ก็ไม่มีผู้เสียชีวิตใดๆ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้เป็นต้นมา มีทหาร 5 นายถูกสังหาร ขณะเดียวกัน ก็มีพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิตช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเหตุปะทะมีเมืองมาริอูโพล
       
       นายโปโรเชนโก ยอมรับว่า กองกำลังยูเครนกำลังระดมพลใหม่ทางภาคตะวันออก แต่ไม่ได้เตรียมปฏิบัติการจู่โจมฝ่ายกบฏตามที่พวกแบ่งแยกดินแดนกล่าวอ้าง โดยชี้แจงว่ามีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอาณาเขตจากความเป็นไปได้ที่อาจถูกโจมตีเท่านั้น
       
       วังเครมลิน บอกว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และ โปโรเชนโก ต่างรู้สึกพอใจต่อผลของการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงที่ธำรงอยู่มาเกือบ 5 วัน หลังจากทั้งสองคนได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อวันอังคาร (9 ก.ย) นับเป็นหนที่ 2 ในรอบสัปดาห์
       ในคำกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ นายโปโรเชนโก แสดงท่าทีขอผูกไมตรีกับฝ่ายกบฏ ด้วยบอกว่าสัปดาห์หน้าเขาจะเสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่มอบสถานะพิเศษแก่บางพื้นที่จังหวัดโดเนตสก์ และลูกานสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่เวลานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแบ่งแยกดินแดน
       
       อย่างไรก็ตาม เขายืนกรานปฏิเสธอย่างชัดเจนต่อข้อเรียกร้องของฝ่ายกบฏที่ประสงค์ให้ดินแดนที่พวกเขายึดครองได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับรูปแบบสหพันธรัฐที่รัสเซียอยากเห็น
       
       ความขัดแย้งในยูเครนฉุดความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ขณะในวันพุธ (10 ก.ย.) ประธานาธิบดี ปูติน กล่าวหานาโต ใช้วิกฤตยูเครนฟื้นคืนชีพตนเอง นอกจากนี้ เขายังลงนามในกฤษฎีกา รับหน้าที่บัญชาการคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซีย ท่ามกลางความพยายามของมอสโกที่จะลดการพึ่งพายุทโธปกรณ์จากชาติตะวันตก
       
       ณ ที่ประชุมซัมมิทเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในเวลส์ นาโต ให้คำมั่นสนับสนุนยูเครน ที่ไม่ได้เป็นชาติสมาชิก ในความพยายามจัดการกับกบฏแบ่งแยกดินแดนและแถลงแผนเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันตนเองของชาติสมาชิกในยุโรปตะวันออก ในนั้นรวมถึงเหล่าประเทศในแถบบอลติก
       
       สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย โทษฐานที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในยูเครน กระตุ้นให้มอสโกแก้เผ็ดด้วยการห้ามนำเข้าอาหารทั้งหมดจากชาติตะวันตก
       
       ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อียู เตรียมการสำหรับคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมอีกรอบ ด้วยมีเป้าหมายที่ภาคธนาคารและภาคพลังงาน แต่ตัดสินใจชะลอการบังคับใช้ไว้ก่อน เพื่อรอดูว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการยึดมั่นหรือไม่
       
       ในกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) ซึ่งกำลังจับตาการหยุดยิง บอกว่าเป็นสิ่งสมเหตุสมผลที่จะยอมให้เวลากับกระบวนการสันติภาพมากกว่านี้ ก่อนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมใดๆ ต่อรัสเซีย ด้วย นายดิดิเยร์ บูร์คฮัลเทอร์ ประธานชาวสวิตเซอร์แลนด์ บอกว่า ทางโอเอสซีอี จะประจำการเครื่องบินสอดแนมเพื่อสังเกตการณ์การหยุดยิงเร็วๆ นี้
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น