วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

อียู “ลงโทษ” รัสเซียแรงขึ้น

ในวันที่ ๑๓ กันยายนที่ผ่านมา  การลงโทษที่รุนแรงขึ้นของสหภาพยุโรปต่อประเทศรัสเซียมีผลใช้บังคับ  โดยทูตของ EU ทั้ง ๒๘ ประเทศเห็นพ้องต้องกันที่บรัสเซลส์หลังการถกเถียงเป็นเวลาหลายวัน  การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่มีขึ้นต่อธนาคารของรัฐ  บริษัทค้าอาวุธและบริษัทผลิตน้ำมัน  โดย EU  ประสงค์จะทำให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ของ EU ยากขึ้น  นอกจากนั้นมีการขยายการห้ามส่งออกสำหรับเทคโนโลยีขุดเจาะน้ำมัน  เช่นเดียวกับการจำกัดการส่งออกยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ใช้งานได้  บุคคลอีก ๒๔ คนบัญชีถูกแช่แข็งและห้ามการเดินทางเข้า EU (ขณะนี้รวมทั้งสิ้นมีจำนวน ๑๑๙ คน)  โดยเป็นผู้แบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกและผู้นำความคิดเห็นจากแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจของรัสเซีย
แต่ EU ไม่ได้บอยคอตอย่างเดียวเท่านั้น  ยังผ่อนปรนด้วย  ระหว่างที่มาตรการลงโทษดำเนินไป  ในวันที่ ๑๒ กันยายนที่ผ่านมาผู้แทน EU ได้พบปะกับนักการเมืองระดับสูงจากรัสเซียและยูเครนที่บรัสเซลส์  Herman Van Rompuy ประธาน EU-Rat ได้เน้นเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายนที่ผ่านมาว่า EU พร้อมจะเปลี่ยนแปลง  งด  หรือเรียกคืนมาตรการลงโทษทั้งหมดอย่างรวดเร็ว  หากมอสโคว์พยายามในการยุติวิกฤติยูเครน
กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่าจะมองมาตรการลงโทษของ EU ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตร  เป็นเวลาหลายวันมาแล้วที่คาดเดากันว่ามอสโคว์สามารถระงับสิทธิการบินเหนือน่านฟ้าสำหรับสายการบินตะวันตก  ซึ่งจะบีบให้ต้องบินอ้อมระหว่างทางไปยังทวีปเอเชียและที่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายแพงขึ้น  ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่าเครมลินทำตามแผนที่จะยุติการนำเข้ายานพาหนะตะวันตก  เพื่อให้กระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของ EU  การคว่ำบาตรได้รับการลงมติตั้งแต่เมื่อวันที่ ๘ กันยายน  แต่มีการถกเถียงกันเรื่องการมีผลใช้บังคับ  เนื่องจากรัฐบาล EU หลายประเทศหวั่นเกรงความรุนแรงขึ้นของวิกฤติ  ขณะเดียวกันกับ EU สหรัฐก็มีการวางมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียต่อไปเนื่องจากวิกฤติยูเครน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น