วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

กลุ่ม IS ส่งรถบรรเทาทุกข์ “ซุกระเบิด” – ระดมยิงกองกำลังเคิร์ดในซีเรียตาย 40 ชีวิต

       รอยเตอร์ – แม้ว่ากลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีกลุ่มนักรบญิฮาด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ระลอกใหม่ แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ไม่ให้ก่อเหตุระดมยิงในเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของซีเรีย บริเวณใกล้พรมแดนตุรกีเป็นหนแรกในวันเสาร์ (27 ก.ย.)
        กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (เซ็นเตอร์คอม) ระบุว่า การโจมตีทางอากาศสามารถทำลายอาคารหลังหนึ่งของไอเอส และยานพาหนะติดอาวุธสองคันใกล้เมืองโคบานี ซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธปิดล้อมในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
       
       เซ็นเตอร์คอม ระบุจากฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งว่า ป้อมรักษาการณ์ และค่ายซ้อมรบซึ่งอยู่ใกล้เมืองรักกา ซึ่งเป็นเป็นฐานที่มั่นของไอเอสนั้นคืหนึ่งในเป้าโจมตี ระหว่างที่สหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้เครื่องบินขับไล่ และอากาศยานควบคุมจากระยะไกลโจมตีทางอากาศ 7 ระลอก
       
       เซ็นเตอร์คอม ระบุว่า การโจมตีทางอากาศ 3 ระลอกในอิรักได้ทำลายยานพาหนะติดอาวุธ 4 คันและ “ฐานสู้รบ” ของไอเอสทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอาร์บิล ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า ได้ส่งเครื่องบินขับไล่สองลำบินเหนือน่านฟ้าอิรัก หนึ่งวันหลังรัฐสภาอังกฤษไฟเขียวให้ทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มติดอาวุธไอเอสในอิรัก ในขณะที่มุ่งเน้นการรวบรวมข่าวกรองมากกว่าโจมตีทางอากาศ
       
       นับตั้งแต่เข้ายึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งในซีเรียและอิรัก กลุ่มรัฐอิสลามก็ประกาศสถาปนาการปกครองแบบ “กาหลิบอิสลาม” ฆ่าตัดคอตัวประกันชาวตะวันตก และสั่งให้ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ และผู้ที่นับถือศาสนาอื่นเลือกระหว่างรับศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ หรือจะยอมถูกสังหาร จนกระตุ้นให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ สั่งการให้กองกำลังสหรัฐฯ กลับไปปฏิบัติภารกิจในอิรักอีกครั้ง หลังถอนกำลังทหารออกมาเมื่อปี 2011 และขยายวงโจมตีทางอากาศเข้าสู่น่านฟ้าซีเรียเป็นครั้งแรก
       
       นับตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ได้เปิดฉากปฏิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธในอิรัก และขยายขอบเขตเข้าซีเรียเมื่อต้นสัปดาห์ โดยได้รับการสนับสนุนจากเหล่าชาติพันธมิตรอาหรับในปฏิบัติการที่มุ่งระงับการก่อเหตุจู่โจม และทำลายกลุ่มติดอาวุธ นับตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (24)
       
       กลุ่มติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ในซีเรีย ซึ่งเสียนักรบหลายสิบคน ไประหว่างการโจมตีวันแรกที่ซีเรีย ได้ออกมากล่าวหาว่า วอชิงตันและชาติพันธมิตรกำลังประกาศ “สงครามกับศาสนาอิสลาม” และขู่ว่า พลเมืองของชาติเหล่านี้จะต้องตกเป็นเป้าเล่นงานของนักรบญิฮาดทั่วโลก
       
       องค์การเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมนไรต์ส” ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนกบฏที่เป็นปฏปักษ์กับประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียกล่าวว่า มีการทิ้งระเบิดโจมตีเมืองรักกาถึง 30 จุดเมื่อวันเสาร์ (27)
       
       รามี อับดุลเราะห์มาน ซึ่งเป็นผู้บริหารองค์การเฝ้าระวัง ที่มีสำนักงานใหญ่ในอังกฤษแห่งนี้กล่าวว่า มีนักรบของกลุ่มรัฐอิสลามถูกสังหารไปแล้ว 23 คน เขากล่าววา ส่วนใหญ่เสียชีวิตในเหตุโจมตีท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง 
       อย่างไรก็ตาม องค์การเฝ้าระวังแห่งนี้ กล่าวว่า ไอเอสยังสามารถระดมยิงในพื้นที่บางส่วนของเมืองโคบานี จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน โดยในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ที่ไอเอสกำลังต่อสู้ยึดเมืองนี้ นักรบญิฮาดกลุ่มนี้ได้สังหารกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดไปถึง 40 คน รวมถึง ในจำนวนนี้มีบางส่วนเสียชีวิต หลังมือระเบิดฆ่าตัวตายขับรถที่ถูกอำพรางว่าเป็นรถขนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปในเขตชานเมือง
       
       การที่กลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ก่อเหตุโจมตีเมืองของชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นที่รู้จักในหนึ่งว่า อายน์ อัล-อาหรับ ได้กระตุ้นให้ประชาชนราว 150,000 ลี้ภัยสงครามข้ามพรมแดนเข้าตุรกีนับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
       
       *** ตุรกีพลิกจุดยืน ***
       
       ประธานาธิบดี เรเซป ตอยยิป เออร์โดแกน ได้ส่งสัญญาณว่าตุรกีกำลังพลิกจุดยืน ด้วยการแถลงเป็นครั้งแรกว่า อาจส่งกำลังทหารตุรกีเข้าไปจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยในซีเรีย หากมีการทำข้อตกลงระดับนานาชาติเพื่อจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยจุดหนึ่งเป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพหนีภัยสู้รบ
       
       แม้ว่าก่อนหน้านี้ตุรกีจะปฏิเสธไม่ขอมีบทบาทสำคัญ ในกลุ่มชาติพันธมิตรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปราบไอเอส ภายใต้การนำของกลุ่มสหรัฐฯ แต่เออร์โดแกนได้ระบุกับหนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยตว่า คำกล่าวที่ว่า ตุรกีจะไม่เข้าร่วมภารกิจทหารนั้นไม่เป็นความจริง และตุรกีพร้อม
       
       เขากล่าวว่า กำลังมีการเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางในการโจมตีทางอากาศ และปฏิบัติการภาคพื้นดินที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งหารือกันว่า แต่ละประเทศใดจะมีส่วนร่วมในรับผิดชอบภารกิจใด และตุรกีก็พร้อมที่จะมีส่วนร่วม
       
       เขากล่าวว่า คุณไม่สามารถทำลายองค์การก่อการร้ายด้วยการโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียว กองกำลังภาคพื้นจะช่วยให้ภารกิจสำเร็จสมบูรณ์ คุณจะต้องทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป จริงอยู่ผมไม่ใช่ทหาร แต่ (ปฏิบัติการ) ทางกาศเป็นการส่งกำลังสนับสนุนทางทหาร แต่ถ้าไม่มีการส่งกำลังภาคพื้นดิน เราก็จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคงได้ถาวร 
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น