วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

“แม่อุ้มบุญไทย” ลุกขึ้นฟ้องกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เรียกร้องสิทธิเลี้ยงดู 13 ทารกจากน้ำเชื้อ “ชิเกตะ”

กลุ่มแม่อุ้มบุญชาวไทยได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอทวงสิทธิเลี้ยงดูทารก 13 คนที่เกิดจากการผสมเทียมที่ได้จากอสุจิของนักธุรกิจญี่ปุ่น ชิเกตะ มิตซูโตกิ ชาวญี่ปุ่นอายุ 24 ปี
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้ดูแลทารก 13 คนตั้งแต่ปี 2014 หลังจากมีการสอบสวนคดีอุ้มบุญของชิเกตะ มิตซูโตกิ นักธุรกิจญี่ปุ่นวัย 24 ปีที่ได้ว่าจ้างให้หญิงไทยและชาติต่างอุ้มท้องทารกที่เกิดจากน้ำเชื้อของเขา โดยพบว่าชิเกตะเป็นบิดาของทารกไม่ต่ำกว่า 16 คน
ในเดือนสิงหาคม 2014 ตำรวจไทยได้บุกเข้าทลายคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเด็กทารก 9 คน และพื่เลี้ยง 9 คนภายในห้องที่มีอุปกรณ์สำหรับทารกจำนวนมาก เช่น ขวดนม คอกเด็กทารก และทารกเหล่านั้นถูกตรวจดีเอ็นเอและพบว่าเป็นบุตรของชิเกตะ ซึ่งพบว่าเขาเป็นทารกของทารกร่วม 16 คน
ทั้งนี้ บรรดาแม่อุ้มบุญที่รับจ้างชิเกตะ มิตซูโตกิ ได้ยื่นฟ้องทางกฎหมายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ต่อสู้สิทธิการเป็นผู้ปกครองเด็กทารกเหล่านั้น สุวรรณา ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม. ที่รับผิดชอบการดูแลทารกเหล่านั้นกล่าว
“หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องขอ ทางเราได้เริ่มกระบวนการประเมินถึงสถานภาพของแม่เหล่านั้น และความพร้อมก่อนที่จะทำการตัดสินใจ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเนื่องจากแต่ละคนอยู่คนละจังหวัด และทางเราเพิ่งเสร็จสิ้นการเยี่ยมเยื่อนของหญิงเหล่านั้น” ผอ.สุวรรณรากล่าว โดยเธอยืนยันว่าแม่อุ้มบุญอาจได้รับสิทธิในการเลี้ยงดูหากสถานภาพของผู้ร้องได้รับการประเมินว่าผ่านการตรวจสอบ
โดยสื่อญี่ปุ่น เจแปนไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า กระบวนการนั้นรวมไปถึงแม่อุ้มบุญเหล่านั้นต้องพิสูจน์ได้ว่า มีความสามารถทางเศรษฐกิจในการเลี้ยงดูทารกอุ้มบุญ รวมไปถึงสามารถให้ความปลอดภัยกับทารกเหล่านั้นในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมได้
นอกจากนี้มีรายงานว่า บิดาตามสายเลือดของพ่อชาวญี่ปุ่น ชิเกตะได้ส่งทนายความเพื่อร้องขอตัวทารกตามสายเลือดเพื่อกลับไปเลี้ยงดูเช่นเดียวกัน แต่เขาจะไม่เดินทางกลับไทยเพื่อให้ปากคำกับตำรวจไทย
ทั้งนี้ ในคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัว บรรดาแม่อุ้มบุญได้กล่าวหาว่า กระทรวง พม.ไม่สามารถให้การเลี้ยงดูทารกเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม แต่สื่อไทยรายงานเพิ่มเติมว่า คำฟ้องระบุว่าทางกระทรวงนำเด็กทารกไปเลี้ยงโดยมิชอบ
และสื่อญี่ปุ่นได้ให้ความเห็นว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การยื่นฟ้องเพื่อขอสิทะเลี้ยงดูเด็กทารกของทั้งชิเกตะและกลุ่มแม่อุ้มบุญไทยนั้นเป็นการเตรียมการนัดแนะร่วมกันหรือไม่
รัฐสภาไทยในสมัยรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารได้ออกกฎหมายห้ามการอุ้มบุญเพื่อการค้าในเดือนพฤศจิกายน 2014 ซึ่งการผ่านกฎหมายฉบับนี้หลังจากเกิดข่าวฉาวธุรกิจวางแผนครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ในการกำกับของหน่วยงานรัฐ โดยเกิดขึ้นจากมารดาอุ้มบุญชาวไทยได้ออกสื่อเพื่อขอความเห็นใจให้กับ “แกรมมี่” ทารกอุ้มบุญป่วยด้วยโรคออทิสติกและโรคหัวใจถูกทิ้งไว้ในไทยลำพังหลังคู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลียเลือกแฝดพี่สาวที่แข็งแรงกลับไปประเทศเพียงคนเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น