วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

เมียผงะ กลับมาบ้านหาย โดนผัวใช้รถตักดินพังจนราบเป็นหน้ากลอง

หญิงอเมริกันรายหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ต้องตกตะลึงเมื่อเธอกลับมาบ้านย่านชานเมืองแล้วพบว่าเหลือเพียงแต่ซาก เพราะถูกสามีพังจนราบเป็นหน้ากลอง
ไดแอน อันดรีเชค ผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในย่านมิดเดิลทาวน์ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากมหานครนิวยอร์กไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร เธอเล่าว่า ตกใจมากเมื่อกลับมาแล้วพบว่าบ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ร่วมกับสามีมานาน 9 ปี เหลือเพียงแต่ที่ดินว่างเปล่า
“ยังไม่ได้ขนของอะไรออกมาเลยสักชิ้น ทุกอย่างยังอยู่ในบ้าน ฉันตกใจมาก ฉันยังตกใจอยู่เลยเนี่ย” เธอบอกนักข่าว
บ้านหลังดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในปี 1956 มีพื้นที่ขนาด 840 ตารางฟุต ภายในบ้านมี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ซึ่งจากบันทึกการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ พบว่าบ้านหลังนี้ถูกซื้อขายครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2005 ในราคา 160,000 ดอลลาร์
“ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพิ่งรู้ตอนมาถึงที่นี่ว่าบ้านพัง ส่วนสามีโดนคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้เถียงอะไรกันเลย” เธอบอกนักข่าว
ตำรวจบอกว่า สามีของเธอ “เจมส์ ไรน์” ดูเหมือนจะไปเช่ารถตักดินมาพังบ้านจนราบเป็นหน้ากลองเมื่อเช้าวันจันทร์ (19 ม.ค.) โดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินของผู้อื่น แล้วก็ถูกประกันตัวออกไปด้วยวงเงิน 300 ดอลลาร์ แล้วก็หายตัวไปแล้ว ซึ่งในตอนเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบถามนั้น สามีรายนี้อ้างว่า สภาพบ้านมันร่อแร่เต็มทีจนซ่อมไม่ไหวแล้ว
ทางด้านภรรยาและเพื่อนบ้านของเธอพากันงุนงงสงสัยว่า สามีตัวแสบทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เพราะคู่รักรายนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงบ้านของพวกเขา
“ผมแกล้งถามเขาเล่นๆ ว่าจะพังบ้านตัวเองด้วยรถตักดินนั่นรึไง แล้วเขาก็ตอบว่า ใช่ ซึ่งผมก็คิดว่าเขาคงพูดเล่น แล้วผมก็ออกไปทำงาน พอผมกลับมาก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ” เพื่อนบ้านรายหนึ่งบอกกับนักข่าว
โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คราวนี้ แต่โชคไม่ดีตรงที่สามี-ภรรยาคู่นี้ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน แถมในทางกฏหมายแล้ว นี่เป็นบ้านของภรรยาด้วย
“ฉันมีครอบครัวและเพื่อนๆ ตอนนี้ฉันก็เลยต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อนก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ ฉันยังไม่มีคำตอบอะไรให้กับพวกคุณ ไม่มีทั้งนั้น” เธอบอกนักข่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น