วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (121) Udo Jürgens

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ
ได้เตรียมร่างเรื่องที่จะเล่าถึงศิลปิน ฯ ให้อ่านต่อไปนี้ไว้แล้ว ผู้ซึ่งเพิ่งฉลองอายุครบ ๘๐ ปีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ที่ผ่านไป แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็ได้ข่าวว่าเขาเพิ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาล Münsterlingen เมื่อช่วงเย็นวันที่ ๒๑ ธันวาคมนี้ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวขณะเดินเล่นอยู่ในเมือง Gottlieben, Kanton Thurgau สวิตเซอร์แลนด์ เพียง ๒ สัปดาห์หลังจากกลับจากเดินทางสัญจรไปแสดงเพลงครั้งหลังสุดตามเมืองต่าง ๆ
ศิลปิน ฯ คนนี้เป็นทั้งนักเปียโน นักแต่งเพลง และนักร้องอาชีพแนวเพลงสมัยนิยมหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ กับแนวเพลงพ็อพสมัยใหม่มากว่า ๕๐ ปี ตั้งแต่ยุคคริสต์ศักราช ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) โดยได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันร้องเพลงในรายการ Eurovision ในปี ๑๙๖๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ด้วยเพลง Merci, Chérie เพลงที่เขาแต่งและเรียบเรียงอย่างช่ำชองนั้น ได้ดึงดูดผู้ฟังทุกเพศทุกวัยไม่เพียงแต่ในประเทศออสเตรีย เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เขาแต่งเพลงไว้ ๘๐๐ กว่าเพลง และมียอดขายแผ่นเสียงเพลงมากกว่า ๑๐๐ ล้านแผ่น  ส่วนเพลงที่เขาแต่งให้นักร้องคนอื่นร้องก็ติดอันดับยอดนิยมไปทั่วโลก  ทั้งเพลงและท่วงทำนองเพลงที่เขาแต่งยังได้รับการถ่ายทอดไปเป็นคำร้องภาษาอื่นอีกหลายภาษา และเมื่อปี ๒๐๐๗ (พ.ศ. ๒๕๕๐) เขาได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองสวิสอีกสัญชาติหนึ่ง
นาย Udo Jürgens คือศิลปิน ฯ ที่จะเล่าถึง (ไม่ได้เป็นญาติกับนักร้องหญิง Andrea Jürgens) เขาเกิดที่เมือง Klagenfurt รัฐ Kärnten สาธารณรัฐออสเตรีย เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ค.ศ. ๑๙๓๔ (พ.ศ. ๒๔๗๗)  มีชื่อจริงว่า Udo Jürgen Bockelmann พ่อเกิดที่กรุงมอสโก ชื่อนาย Rudolf (๑๔ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๔/พ.ศ. ๔๔๗-๒ เมษายน ค.ศ. ๑๙๘๔/พ.ศ.๒๕๒๗) เป็นลูกชายคนสุดท้องในจำนวนลูกชาย ๕ คนของนาย Heinrich Bockelmann ผู้จัดการธนาคารเยอรมัน พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ ปู่ ย่า และพ่อก็อพยพมาอยู่ที่ราชอาณาจักรสวีเดนซึ่งวางตัวเป็นกลางในสมัยนั้น
แม่ชื่อ Käthe สกุลเดิม Arp เป็นชาวเมือง Prasdorf ในแคว้น Schleswig-Holstein หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ พ่อกับแม่ก็พากันมาตั้งรกรากที่คฤหาสน์ Ottmanach เมือง Magdalensberg ในรัฐ Kärnten ออสเตรีย ซึ่งปู่ได้ยกให้ลูกชายทั้ง ๕ คน ปี ๑๙๓๘-๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๑-๒๔๘๘) และปี ๑๙๕๔-๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๔๙๗-๒๕๐๑) พ่อเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศบาลตำบล Ottmanach ด้วย
นาย Hans Arp ลุงฝ่ายแม่ เป็นนักเล่นอักษรคำ ส่วนลุงฝ่ายพ่อทั้ง ๔ คน ได้แก่นาย Werner Bockelmann เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครฟรั้งค์ฝวร์ท อัม ไมน์ จากพรรคเอ๊สเพเด ปี ๑๙๕๗-๑๙๖๔ (พ.ศ ๒๕๐๐-๒๕๐๗) นาย Gert Bockelmann ไปตั้งรกรากที่ไร่ Barendorf ใกล้เมือง Lüneburg ซึ่งปัจจุบันได้ทำเป็นสถานพำนักของ Heimvolkshochschule  และเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศบาลตำบลระยะหนึ่ง กับนาย Erwin Bockelmann และนาย Jonny Bockelmann ร่วมกันทำอุตสาหกรรมน้ำมัน  หินแร่ สำหรับเพลง Mein Bruder ist ein Maler ก็เป็นเพลงที่รำลึกถึงนาย Manfred Bockelmann น้องชาย (พี่ชายคนโตชื่อ John เสียชีวิตไปเมื่อปี ๒๐๐๖/พ.ศ. ๒๕๔๙) ซึ่งเป็นจิตรกรและนักถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
เขาหัดเล่นเปียโนเองแล้วจึงเรียนการเล่นอย่างเป็นระบบ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เข้าเป็นยุวชนฮิทเล่อร์ แต่โดยที่เป็นคนร่างกายอ่อนแอ  เมื่อถูกตบหน้าอย่างรุนแรง จึงส่งผลกระทบกระเทือนถึงหูรวมทั้งการได้ยินและฟัง เขาออกจากโรงเรียนมัธยมก่อนเรียนจบ ๑ ปี แล้วไปเรียนการดนตรีภายหลังสิ้นสงคราม ฯ ที่ Mozarteum นครซั้ลซบวร์ก
ในปี ๑๙๕๐ (พ.ศ. ๒๔๙๓) เขาชนะการแข่งขันแต่งเพลงซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ ORF ด้วยเพลง Je t’aime และในปี ๑๙๖๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ได้แต่งเพลง Reach for the Stars ให้ Shirley Bassey ขับร้องจนได้รับความนิยมไปทั่วโลก
เขาได้เป็นตัวแทนของออสเตรียไปแข่งขันร้องเพลงในรายการ Eurovision เป็นครั้งแรกในปี ๑๙๖๔ (พ.ศ. ๒๕๐๗) ด้วยเพลง Warum nur warum? ซึ่งได้อันดับที่ ๖ แต่นาย Matt Monro ตัวแทนจากสหราช-อาณาจักร ฯ ชอบทำนองเพลงนี้มาก จึงได้ขอไปใส่คำร้องภาษาอังกฤษแต่งโดยนาย Don Black และตั้งชื่อเพลงว่า Walk Away ซึ่งติดอันดับ ๔ ในตารางเพลงยอดนิยมของสหราชอาณาจักร ฯ และอันดับที่ ๒๓ ในตารางเพลงยอดนิยม US Billboard Hot 100 และปีนี้เอง เขาได้แต่งงานกับ Erika Meier หรือ Panja อดีตนางแบบถ่ายภาพ มีลูกด้วยกัน ๒ คน คือ John นักร้อง นักแสดงและดีเจ กับ Jenny นักแสดง นอกจากนั้น เขายังมีลูกหญิงนอกสมรสอีก ๒ คน
ในปี ๑๙๖๕ (พ.ศ. ๒๕๐๘) เขาเข้าแข่งขันร้องเพลงในรายการดังกล่าวอีกและได้อันดับที่ ๔ จากเพลง Sag ihr, ich lass sie grüßen!  ต่อมาในปี ๑๙๖๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) เขาก็ชนะเลิศด้วยเพลง Merci, Chérie ซึ่งนาย Thomas Hörbiger แต่งคำร้อง แผ่นเสียงเพลงนี้ขายได้มากกว่า ๑ ล้านแผ่น และเขาได้รับแผ่นเสียงทองคำจาก Deutsche Vogue ในปีนั้น นอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาและนักร้องของฝรั่งเศส อิตาลี่ อังกฤษ ดัทช์ สวีเดน โรมาเนีย โปแลนด์ และญี่ปุ่น
ปีถัดมาเขาได้แต่งเพลงที่ได้รับความนิยมอีก คือเพลง Griechischer Wein, Aber bitte mit Sahne, Mit 66 Jahren, Zeig mir den Platz an der Sonne! และเพลงที่สำคัญคือเพลง Buenos Dias, Argentina ซึ่งได้ร้องร่วมกับนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมัน ในปี ๑๙๗๘ (พ.ศ. ๒๕๒๑)
นอกจากเพลง Warum nur warum? ที่กลายเป็นเพลง Walk Away ซึ่งนาย Matt Monro ร้องแล้ว เขายังได้นำเพลงที่นาย Udo Jürgens แต่งไว้อีก ๕ เพลงมาร้องอีก โดยให้นาย Don Black แต่งคำร้อง คือ Du sollst die Welt für mich sein (Without You), Was Ich Die Sagen Will (The Music Played), Illusionen (If I Never Sing Another Song ซึ่งต่อมานักร้องคนอื่น ๆ เช่น นาง Shirley Bassey, นาย Sammy Davis, Jr. ได้นำมาร้องด้วย) และเพลง In Dieser Welt (Lovin’ You Again) ซึ่งเพลงสุดท้ายนี้ นาย Matt Monro ได้ร้องบันทึกแผ่นเสียงเป็นภาษาอังกฤษและสเปนในปี ๑๙๖๙ (พ.ศ. ๒๕๑๒) แต่เพิ่งมาวางจำหน่ายเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. ๒๐๑๒ (พ.ศ. ๒๕๕๕) นอกจากนั้น เขาได้ร้องบันทึกแผ่นเสียงเพลง Walk Away และเพลง The Music Played เป็นภาษาสเปนจากคำร้องภาษาอังกฤษที่นาย Don Black แต่งอีกด้วย ซึ่งคำร้องภาษาสเปนทั้ง ๓ เพลงนั้น นาย Leonardo Schultz เป็นผู้จัดทำ ๑ ในเพลงที่ถ่ายทอดบันทึกแผ่นเสียงเป็นภาษาอังกฤษด้วยคือเพลง Griechischer Wein ซึ่งนาย Bing Crosby ได้นำไปร้องในชื่อ Come Share The Wine ซึ่งนาย Don Black เป็นผู้แต่งคำร้องให้ แต่ออกจำหน่าย หลังจากที่นาย Bing Crosby เสียชีวิตแล้วในปี ๑๙๗๗ (พ.ศ. ๒๕๒๐) และนักร้องซึ่งร้องเพลงนี้บันทึกแผ่นเสียงต่อมาคือนาย Al Martino
เขาแต่งเพลงสำหรับหนังและละครหลายเพลง เช่นเพลง Siebzehn Jahre, blondes Haar เพลง Das Traumschiff เพลงละคร Helden, Helden แสดงรอบปฐมทัศน์ของเยอรมันที่โรงจุลอุปรากรนครฮัมบวร์ก และเพลง Ich war noch niemals in New York แสดงรอบปฐมทัศน์ของโลกที่โรงจุลอุปรากรนครฮัมบวร์กเช่นกัน ซึ่งทุกเพลงเขาแต่งเองและให้นักแสดงเป้นผู้ขับร้อง
เขาได้รับรางวัลสำหรับอาชีพแต่งเพลงและร้องเพลงมากมาย  ตั้งแต่ปี ๑๙๕๐ (พ.ศ. ๒๔๙๓) ในปีสุดท้ายของชีวิต เขาได้รับ S. Georgs Orden des Dresdner Semper Opernball-Vereins für sein Lebenswerk, Prix du Champagne für sein Lebenswerk, Deutscher Musikautorenpreis für sein Lebenswerk และ Ehrenmedaille “Stadttaller” der Stadt Zürich

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น