เห็ดมีหลายชนิดแต่เห็ดที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็คือเห็ดหูหนูดำสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป “เห็ด” สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง หรือทอดก็ตาม…
แต่ทว่าเห็ดไม่ได้มีแต่สรรพคุณเพื่อทำอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่กินเห็ดเคยสังเกตกันไหมว่านอกจากจะอร่อยแล้ว เห็ดยังสามารถช่วยให้อ่อนเพลียทุเลาลงได้ โดยเห็ดแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณทางยาแตกต่างกัน แต่จะแตกต่างกันอย่างไร มาดูกัน….
มารู้จักเห็ดชนิดแรกกันเลยดีกว่านะ เห็ดนางฟ้า เห็ดชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ดเป๋าฮื้อ และดอกเห็ดนางรม เมื่อเปรียบเทียบกับเห็ดเป๋าฮื้อ ดอกเห็ดนางฟ้าสีจะอ่อนกว่า มีครีบอยู่ชิดกันมากกว่าและยังช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดไขมันในเส้นเลือด
ส่วนใครที่ชื่นชอบ เห็ดหอม ฟังทางนี้ สรรพคุณของเห็ดหอมส่วนใหญ่ คนจีนใช้เห็ดหอมเป็นอายุวัฒนะ รักษาหวัดทำให้เลือดลมดี แก่โรคหัวใจ ป้องกันการเติบโตของเนื้อร้าย ต้านพิษงู ป้องกันโรคเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคมะเร็ง โรคร้ายจากเชื้อไวรัส เห็ดหอมมีกรดอะมิโนชื่อ eritadenine ช่วยให้ไตย่อยโคเลสเตอรอล ได้ดี มีสารเลนติแนน (Lentinan)ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ในระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก โอ้โฮ !!! ไม่น่าเชื่อ สรรพคุณช่างมากมาย
ต่อมา เห็ดฟาง เห็ดที่มีสาร vovatoxin ช่วยป้องกันการเติบโตของไวรัส ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดและโรคหัวใจได้
แต่เห็ดที่จะแนะนำให้รู้จักวันนี้เป็น เห็ดหูหนู หรือ “เห็ดหูชัวะ” เป็นเห็ดที่มีสรรพคุณไม่น้อยหน้าใคร เพราะนอกจากอร่อยแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตันได้ ซึ่งภายในเห็ดจะมีสารอาหารหลายตัวรวมไปถึง “อะดีโนซีน” สารตัวเดียวกับที่มีในกระเทียมและหอมหัวใหญ่ เมื่อทานไปแล้วจะช่วยลดความเหนียวข้นของเลือด ทำให้เลือดไม่เป็นลิ่มเลือดไปอุดตันเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง หรือเส้นเลือดที่อวัยวะอื่นๆ
แต่ไม่เท่านั้น !! ยังมีอีก เห็ดยังสามารถช่วยคุณในอาการปวดตึงท้ายทอยได้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากส่วนใหญ่เลือดขึ้นไปหล่อเลี้ยงในส่วนดังกล่าวไม่เพียงพอ อันเนื่องมาจากไขมันในเส้นเลือดสูงเกินไป หรือเกิดจาก อาการเครียด พักผ่อนน้อยก็เป็นได้เช่นกัน เมื่อเป็นแล้ว อยากจะนอนท่าเดียว ทำให้ขี้เกียจ ไม่อยากทำงานทำการอะไร ต้องกินยาที่แพทย์จ่ายให้สม่ำเสมอจึงจะหาย อย่างที่บอกว่าเห็ดสามารถช่วยท่านได้จริงๆ ส่วนทางการแพทย์แบบสมุนไพร เห็ดหูหนู ก็เป็นส่วนผสมในการปรุงเช่นกัน
วิธีนำมาประกอบอาหารแบบง่ายๆ คือนำเห็ดหูหนู จำนวนตามต้องการ ตามด้วยพุทราจีน ชนิดแห้ง และ หมูเนื้อแดงไม่ติดมัน 3 อย่างเท่ากัน ตุ๋นกับน้ำให้ได้ ประมาณ 1 ถ้วย ไม่ปรุงรสอะไร กินเฉพาะน้ำตอนเช้ามืดวันละครั้งทุกวัน จะช่วยให้ อาการปวดท้ายทอย ค่อยๆ ทุเลาลงและดีขึ้นได้
ถ้านำมาต้มกับน้ำตาลกรวด สามารถช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยแก้ไอ บำรุงร่างกายให้ชุ่มชื่นหายอ่อนเพลีย และที่สำคัญยังสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ อีกทั้งยังนำมาทำอาหารได้สารพัดเมนู ทั้งแกงจืด ผัด และยำ
ภายในหนึ่งวันลองเลือกเห็ดหูหนูมาใส่อาหารประเภทต่างๆ ให้ได้ 5-10 กรัม จะสามารถช่วยในการป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตันได้
อย่างไรก็ดี การกินผัก ผลไม้ หรืออาหารที่สดใหม่เป็นประจำ เพียงเท่านี้ร่างกายก็ไม่เสี่ยงต่อโรคต่างๆได้แล้ว
เห็ดหูหนูดำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น