รอยเตอร์ – ทางการเซียร์ราลีโอน สั่งปิดการเข้าออกเขตโคโน ทางภาคตะวันออกของประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบยอดผู้ติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในพื้นที่ดังกล่าว และยังพบศพกองพะเนินที่โรงพยาบาล
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การแพร่ระบาดของอีโบลาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ คร่าชีวิตผู้คนในแอฟริกาตะวันตกไปแล้วเกือบ 6,400 ศพ จากผู้ติดเชื้อราว 18,000 คน ขณะที่ เซียร์ราลีโอน ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนศูนย์รักษาและเจ้าหน้าที่ฝึกหัด และแซงหน้าประเทศไลบีเรีย ที่ได้รับผลกระทบสาหัสที่สุดเรียบร้อยแล้ว
จนถึงตอนนี้เชื่อว่าการแพร่ระบาดเมื่อเร็วๆ นี้ มีศูนย์กลางในพื้นที่ต่างๆ ทางตะวันตกรอบๆ กรุงฟรีฟาวน์ อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.) ว่า พวกเขาพบศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากกองที่อยู่โรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวในโคโน เขตที่ตั้งอยู่ติดชายแดนกินีและมีประชากรราวๆ 350,000 คน
เหล่าเจ้าหน้าจากองค์การอนามัยโลก กระทรวงสาธารณสุขเซียร์ราลีโอน และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยว่าในช่วง 11 วันที่ผ่านมา ได้ดำเนินการฝังศพผู้เสียชีวิตจากอีโบลาไปแล้ว 87 ศพ ซึ่งรวมทั้งพยาบาล คนขับรถพยาบาลฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพ
ขณะที่ทีมประสานงานอีโบลา ยังพบศพไร้วิญญาณ 25 ศพที่เสียชีวิตในช่วง 5 วันที่ผ่านมา กองกันอยู่ในพื้นที่หนึ่งของโรงพยาบาลท้องถิ่น
ในวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) ศูนย์ประสานอีโบลาเขตโคนา บอกว่าได้กำหนดปิดตายพื้นที่ดังกล่าว โดยจะอนุญาตให้เข้าออกได้เฉพาะยานพาหนะที่จำเป็นและเตรียมกำหนดมาตรการเคอร์ฟิวยามค่ำคืนด้วย
ก่อนหน้านี้ ในวันพุธ (10 ธ.ค.) รัฐบาลเซอร์ราลีโอนเผยว่ากำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สหประชาชาติในโคโน และสหพันธ์สภากาชาด เร่งมืดจัดตั้งศูนย์รักษาในโคโน ดินแดนห่างไกลที่มีรถฉุกเฉินขนส่งผู้ป่วยและตัวอย่างเลือดเพื่อนำมาทดสอบเพียงคันเดียว
นอกจากปัญหาขาดแคลนศูนย์รักษาแล้ว ความพยายามต่อสู้กับอีโบลาในเซียร์ราลีโอน ยังถูกฉุดรั้งโดยการประท้วงเรื่องค่าจ้างและสภาพแวดล้อมการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยแม้รัฐบาลอ้างว่าบรรลุข้อตกลงกับเครือข่ายแพทย์ยุคใหม่แล้ว แต่ทาง ดร. เจเรดีน จอร์จ ประธานสมาคมแพทย์ยุคใหม่ บอกว่าสมาชิกของพวกเขาจะยังเดินหน้าประท้วงเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.)
เครือข่ายแพทย์ยุคใหม่ระบุว่า ขอหยุดงานจนกว่าจะได้รับอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมและสภาพการทำงานที่ดีกว่านี้ โดยระบุเพื่อนร่วมงานต่างหมดกำลังใจและไม่กล้าทำงาน เนื่องจากขาดอุปกรณ์ป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเครื่องช่วยหายใจ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ และศูนย์ดูแลผู้ป่วย
ผู้จัดการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น