วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ปธน.ยูเครนปูทางเป็นสมาชิก “นาโต้” หวังป้องจาก “ภัยรัสเซีย”

เอเอฟพี – วานนี้ (18 ธ.ค.) ประธานาธิบดียูเครนได้ท้าทายรัฐบาลรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการเสนอร่างกฎหมายเปิดทางให้อดีตประเทศสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) เพื่อให้พันธมิตรชาติตะวันตกสามารถปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากมอสโกได้
เป็นที่ชัดเจนว่า การตัดสินใจที่มีการวางเดิมพันสูงคราวนี้ จะจุดชนวนให้วังเครมลิน ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง และอาจสร้างความยุ่งยากเลยเถิด แก่การเจรจาสันติภาพอันเปราะบางระหว่างรัฐบาลเคียฟ กับกบฏนิยมรัสเซียซึ่งอาจจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (21)
มาตรการของประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน นั้นเท่ากับเป็นการเพิกถอนสถานะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของยูเครน ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มชาติที่วางตัวเป็นกลางอย่าง สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปฏิเสธที่จะเป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศใดๆ จึงไม่มีบทบาทในการทำสงคราม
เมื่อปี 2010 ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เนื่องจากถูกรัสเซียกดดัน แม้ว่า ในช่วงหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายได้ไม่นาน ยูเครนได้พยายามหาทางเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ แต่กองทัพยูเครนซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรงพลัง แต่ปัจจุบันเสื่อมถอยเพราะปัญหาคอรัปชัน ก็ไม่เคยถูกมองว่าเป็นผู้สมัครที่ต้องการสถานภาพสมาชิกอย่างจริงจัง
กระนั้น โปโรเชนโก ซึ่งก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงที่ยูเครนกำลังบอบช้ำจากสงครามแบ่งแยกดินแดน และการเผชิญหน้ากับมอสโกแบบยุคสงครามเย็น ซึ่งล่วงเข้าสู่เดือนที่ 7 ได้หมายมั่นให้การนำประเทศเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ เป็นนโยบายการต่างประเทศที่สำคัญอันดับต้นๆ
ทั้งนี้ โปโรเชนโก และชาติสมาชิกนาโต้รุมกล่าวหา ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่า นอกจากจะส่งเงินและอาวุธสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธใฝ่มอสโก ที่เคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออก ของยูเครนมาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว ผู้นำแดนหมีขาวยังส่งกำลังทหารมือฉกาจไปเสริมกำลังให้กลุ่มกบฏอีกด้วย
ทางด้าน มอสโกได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับชี้ว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่เผยให้เห็นขบวนรถถังและอาวุธสงครามเคลื่อนตัวออกจากพรมแดนรัสเซีย เข้าสู่เขตสู้รบในยูเครนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกกุขึ้นมา
ในการแถลงข่าววานนี้ (18) ปูตินระบุว่า ทหารรัสเซียในเขตอุตสาหกรรม ทางตะวันออกของยูเครนนั้นสมัครใจเข้าไปด้วยตัวเอง โดยที่เครมลินไม่ได้สั่งการให้พวกเขาเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ปูตินไม่เคยไขข้อสงสัยว่า ทุกวันนี้มีทหารติดอาวุธของรัสเซียประจำการในภาคตะวันออกของยูเครนทั้งหมดเท่าไร ขณะที่ทั้งเคียฟ และนาโต้ประมาณการว่าน่าจะมีไม่กี่พันนาย ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่ 10,000 นาย
โปโรเชนโกระบุในข้อความที่ส่งถึงรัฐสภายูเครนว่า จำเป็นต้องประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ “อย่างเร่งด่วน” และจะต้องถูกยกเป็นวาระในการประชุมฉุกเฉิน
ผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์ “ราซุมคอฟ” อันเป็นที่ยอมรับของยูเครนชี้ว่า ยอดประชาชนที่สนับสนุนให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ทะยานสู่ 45 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้า ที่มีไม่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์
ในผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อล่าสุดนี้ พบว่า มีผู้คัดค้านการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรนาโต้เพียง 37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นับตั้งแต่นั้นมา ปูตินกำหนดให้ ในการทำข้อตกลงสันติภาพใดๆ ระหว่างเคียฟ กับกลุ่มติดอาวุธทางภาคตะวันออกของประเทศ มีเงื่อนไขหลักว่า ยูเครนจะต้องรักษาสถานะความเป็นชาติไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเอาไว้
ผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น